แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - siritidaphon

หน้า: 1 ... 12 13 [14] 15 16 ... 54
196
ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก ถือว่าเป้นสิ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะดูแลเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษ เพราะพ่อแม่ ผู้ปกครองมีหน้าที่สำคัญในการส่งเสริมการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน โดยเฉพาะขณะที่เด็กอยู่กับพ่อแม่ที่บ้านทั้งตอนเช้าก่อนมาโรงเรียน ตอนเย็นหลังเลิกเรียน และวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่เด็กจะได้อยู่ร่วมกับพ่อแม่ที่บ้าน ดังนั้น พ่อแม่มีหน้าที่ส่งเสริมการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันให้กับเด็ก อย่างเช่น การดูแลรักษาความสะอาดของร่างกาย รวมไปถึงวิธีการดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟัน เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กมีปัญหาฟันผุ ตั้งแต่อายุยังน้อย อยู่อยู่ในช่วงของการมีฟันน้ำนม พ่อแม่ส่วนใหญ่มองว่า ฟันน้ำนมของลูกนั้น ไม่มีความสำคัญ เพราะคิดว่า ยังไงก็ต้องหลุดออกไปและมีฟันแท้ขึ้นมาแทนที่ แต่นี่เป็นความเข้าใจที่ผิด


เพราะถ้าเด็กมีปัญหาฟันผุตั้งแต่ในช่วงฟันน้ำนม ก็อาจจะทำให้ฟันน้ำนมหลุกก่อนกำหนดได้ นั่นหมายความว่า จะส่งผลต่อการขึ้นของฟันแท้ อาจจะทำให้ฟันมีลักษณะการขึ้นที่ผิดปกติ มีการสบฟันที่ผิดปกติ ส่งผลให้เกิดปัญหารุนแรงตามมาในอนาคต เด็กบางคนมีปัญหาฟันรุนแรงมาก ซึ่งวิธรการแก้ไขที่ดีที่สุดก็คือ การเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ซึ่งถือว่าเป็นการจัดฟันในเด็กที่สามารถแก้ไขฟันได้แทบทุกกรณี และยังส่งผลดีต่อโครงสร้างของใบหน้าอีกด้วย และที่สำคัญช่วยส่งเสริมในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน ช่วยลดความรุนแรงของปัญหาฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยทีเดียว เพื่อให้บุตรหลานของท่านมีภูมิคุ้มกันและรู้จักวิธีการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันได้อย่างถูกต้อง

วันนี้ทางคลินิก ของเราจะมาพูดถึงการจัดฟันในเด็ก ที่สามารถช่วยลดความรุนแรงของปัญหาฟันของลูกน้อยได้ แต่ก่อนอื่นเราจะมาอธิบายในเรื่องของการจัดฟันในเด็กก่อนว่า ในปัจจุบันนี้เด็กในวัยประถมก็สามารถเข้ารับการจัดฟันได้แล้ว พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถพาบุตรหลานของท่านที่มีอายุต่ำว่า 10 ปี มาตรวจกับทันตแพทย์จัดฟันได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอจนถึงวัยรุ่น แนะนำให้พาเด็กอายุ 7-10 ปี ไปตรวจกับทันตแพทย์จัดฟัน เพราะหากพบปัญหาการสบฟันที่ผิดปกติ เด็กวัยนี้ก็สามารถจัดฟันได้แล้ว และเด็กในวัยนี้สามารถให้ความร่วมมือกับทันตแพทย์ในการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็กได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ การจัดฟันในเด็ก ยังสามารถช่วยทำให้ปัญหาในเรื่องของฟัน ลักษณะฟัน หรือแม้กระทั่งการสบฟันที่มีความผิดปกติที่อาจจะเกิดจากพฤติกรรมในวัยเด็ก ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้

อย่างไรก็ตาม การจัดฟันในเด็กที่มีอายุต่ำว่า 10 ปี มักเป็นการจัดฟันบางส่วน มีจุดประสงค์ในการจัดฟันก็เพื่อการรักษาเฉพาะบริเวณ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในเบื้องต้น หรือช่วยลดความรุนแรงของปัญหา ซึ่งเมื่อเด็กโตพอ ก็มักจะต้องจัดฟันทั้งปากต่อไปได้ แต่ต้องบอกว่า เป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ และได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้โต เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาในอนาคต หากปล่อยทิ้งไว้นาน เพราะปัญหาในเรื่องของฟัน เราจะต้องรีบแก้ไข เพราะอาจจะทำให้เกิดปัญหาต่อฟันบริเวณข้างเคียงได้


หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจอยากพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถพาบุตรหลานของท่านมาเข้ารับการตรวจสุขภาพฟันเบื้องต้นได้ที่คลินิก  เพระทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านทันตกรรมในเด็ก มีประสบการณ์ในวงการทันตกรรมมาอย่างยาวนาน จึงมั่นใจได้ว่า บุตรหลานของท่านจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะทางเราให้คำปรึกษาอย่างถูกต้อง สามารถแนะนำวิธีการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้เด็กได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้เด็กได้ทำความสะอาดฟันอย่างถูกวิธีและสะอาดมากที่สุด เพราะเราใส่ใจในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของลูกค้าทุกคน เพื่อที่จะได้มีช่องปากและฟันที่สะอาด มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้



การจัดฟันเด็ก ช่วยลดความรุนแรงของปัญหาฟันได้ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/การจัดฟันเด็ก/

197
ฮอนด้า Honda Forza 350 Roadsync ปี 2023
All New Forza350 Roadsync Type ขุมพลัง eSP+ 330 ซีซี ระบบ HSTC (Honda Selectable Torque Control) ระบบตรวจจับและควบคุมล้อหน้า-หลังให้สัมพันธ์กัน Emergency Stop Signal (ESS) สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อมีการเบรกกะทันหัน มาตรฐานความปลอดภัยระดับรถ Super Bike และ 2-Channel ABS (Anti-Brake System) ระบบเบรกทั้งด้านหน้าและด้านหลังช่วยป้องกันไม่ให้ล้อล็อกระหว่างเบรกกะทันหัน ระบบสั่งการด้วยเสียงบนสมาร์ตโฟน แอปพลิเคชัน Honda RoadSync กระจกบังลมหน้าระบบไฟฟ้า Electrically Adjustable Windscreen ได้ถึง 150 มม. Honda Smart Key In-Console USB Charger & Bottle Holder มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีดำ (Mat Black), สีเทา-ดำ (Smoky Grey), สีแดง (Red) และสีน้ำเงิน (Blue) *พร้อมออพชั่นเสริมเพิ่มความโดดเด่นไม่ซ้ำใคร ด้วยชุดแต่งที่มีให้เลือก 2 รุ่น ประกอบด้วย Forza Nitron Neon TH1 ราคาแนะนำที่ 221,800 บาท Forza Yoshimura Gcraft Rising Spirit TH2 ราคาแนะนำที่ 206,900 บาท * ชุดแต่ง Nitron Neon Edition ชุดแต่งพรีเมียมจากอังกฤษ ทุกเส้นสายบอกสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร เอาใจสายสปอร์ตด้วยระบบกันสะเทือนแบรนด์ Hi-end ระดับโลก

รายละเอียดเบื้องต้น
   
แบรนด์                        Honda
รุ่น                             ฮอนด้า Honda Forza 350 Roadsync ปี 2023
ประเภทรถ                    รถครอบครัวแบบสกู๊ตเตอร์
ปีที่เปิดตัว                    2023
ราคา                         181,000 บาท


สเปค

รูปแบบเกียร์               เกียร์ออโต้
ระบบเกียร์                 V-Matic แบบสายพาน (V-Belt)
รายละเอียดเครื่องยนต์   eSP+ แบบ 4 วาล์ว ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI 4 จังหวะ แบบซิงเกิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมระบบ Honda Selectable Tourque Control
ระบบระบายความร้อน    น้ำ (ด้านหน้า)
ระบบสตาร์ท              สตาร์ทไฟฟ้า (มือ)
ขนาดเครื่องยนต์ (CC)  330 CC
แบบเครื่องยนต์           4 จังหวะ
ระบบจุดระเบิด            Digital Transistorized
ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง   เบนซิน 95, แก๊สโซฮอล์ E20, แก๊สโซฮอล์ 91, แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), เบนซิน 91
ระบบจ่ายน้ำมัน            หัวฉีด (PGM-Fi)
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)   11.7 ลิตร
ระบบกันสะเทือน           ล้อหน้า เทเลสโคปิค 33 มม., ล้อหลัง Twin Shock Conventional Double
ระบบเบรค                  ล้อหน้า ดิสก์เบรก (ABS), ล้อหลัง ดิสก์เบรก (ABS)
แบบวงล้อ                  แมกซ์
ขนาดยาง                  ล้อหน้า 120/70R15M/C56PTubeless, ล้อหลัง 140/70R14M/C62PTubless
ขนาด (ยาวxกว้างxสูง มม.)  2,143 x 754 x 1,507
น้ำหนักตัวรถ               187.00 กก.


มอเตอร์ไซด์ใหม่ 2034: ฮอนด้า Honda Forza 350 Roadsync ปี 2023 อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/motorcycle/

198
รถรับจ้างขนของจังหวัดเชียงใหม่ กับการขนย้ายที่ลงตัวสุดๆ ในครั้งก่อนมีรถรับจ้างจำนวนไม่มากนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไปรถรับจ้างก็ได้มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น และมีความสำคัญกับผู้คนมากในปัจจุบัน รถรับจ้างขนของเชียงใหม่ก็ขยับขยายตามไปด้วย ในปัจจุบันมีรถรับจ้างขนของอยู่ในความดูแลและให้บริการของมีจำนวนมาก เรียกได้ว่ามีเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าที่จะมาใช้บริการในแต่ละวัน เรามีเรามีบริการรถขนของทุกประเภทไม่ได้มีบริการรถรับจ้างประเภทเดียว ทว่าให้

บริการรับจ้างหลายประเภทด้วยกันเช่น รถรับจ้างย้ายบ้านเชียงใหม่ รถกระบะรับจ้าง รถเฮี๊ยบรับจ้าง รถสิบล้อรับจ้าง รถหกล้อรับจ้างและรถประเภทอื่นๆ อีกอย่าง ครบถ้วนและสมบูรณ์แบบ เราเข้าใจในธุรกิจของคนที่ต้องใช้บริการรับจ้างขนย้ายประเภทต่างๆเราจึงมีรถรับจ้างขนย้ายชนิดต่างๆ นำเข้ามาให้บริการลูกค้าในตอนนี้เรามีครบทุกประเภทแล้วค่ะ จนท่าต้องการใช้บริการกับเราใช้รถอะไรก็ได้ แล้วแต่ความต้องการของท่าน ส่วนในการจองล่วงหน้าในการขนย้ายของของท่านนั้น

รถรับจ้างขนย้ายเชียงใหม่ มีการขนย้ายขนของที่ให้บริการได้ทุกวันตามที่คุณต้องการใช้บริการ ไม่ว่าจะวันเวลาไหนการที่ท่านโทรมาสั่งจองล่วงหน้าย่อมเป็นที่สะดวก เพราะระเบียบของเราต้องสั่งจองล่วงหน้าอยู่แล้วค่ะ ถ้าเป็นรถที่ด่วนต้องจองล่วงหน้า3-4 ชั่วโมง ทางทีมงานของเราจะได้จดบันทึกลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการตามลำดับเพื่อเป็นการไม่วุ่นวายและไม่ลืม จะดำเนินตามวันและเวลาที่กำหนดที่ท่านต้องการทุกงานไปตามลำดับ และรถรับจ้างเชียงใหม่มีการพัฒนาการบริการขนย้าย

อยู่ตลอดเวลามีความเป็นกันเองให้บริการอย่างรวดเร็วทันใจ บริการอย่างมีคุณภาพและได้มาตรฐานเป็นหลัก เพื่องานบริการที่ได้ออกมามีคุณภาพที่ดีหากพบว่ารถรับจ้างขนย้ายเชียงใหม่ของเรามีข้อบกพร่องในเรื่องใดประการใด ทางเรายินดีนำมาปรับปรุงในการบริการในครั้งต่อไป ให้ดียิ่งขึ้นกว่าครั้งเดิมค่ะ แน่นอนว่าราคาที่เราให้บริการนั้นจะเป็นราคาจากหลักร้อยไปถึงหลักพันการที่ท่านจะใช้บริการเราได้คือท่านต้องโอนมัดจำให้เราก่อนราคา1000 บาท แล้วท่านก็นัดวันเวลาที่ท่านจะขน

ก็จะได้สิทธิ์นั้นในการใช้บริการอย่างทันทีค่ะ เมื่อท่านมาขอใช้บริการเราอย่างเร็วท่านก็จะได้สิทธิ์ในการให้บริการจ้างอย่างเร็วตามที่ท่านได้มาใช้บริการกับเรา หากท่านมาใช้บริการเราเร็วท่านก็จะได้โอกาสดีๆ อย่างเร็วค่ะ เพราะเราต้องการเลือกสิ่งที่ดีให้ลูกค้าได้บริการที่ดี เราบริการอย่างเต็มที่บริการอย่างสุจริตและบริการด้วยใจ
ใช้บริการรถรับจ้างกับทีมงาน รถรับจ้างขนของเชียงใหม่ รถกระบะรับจ้างเชียงใหม่ รถหกล้อรับจ้างเชียงใหม่ และอื่นๆ ท่านจะอุ่นใจยิ่งขึ้นกับการบริการของเรามา

พร้อมกับความต้องการของลูกค้า และการใช้บริการรถรับจ้างขนของในพื้นที่และทางเราเห็นเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ให้บริการรถรับจ้างขนย้ายของให้กับท่าน ในพื้นที่โดยคนขับรถจะเป็นคนในพื้นที่ที่มีความชำนาญในเส้นทางสูง คุณจะรู้สึกอุ่นใจทุกครั้งเมื่อที่ได้รับการบริการรถรับจ้างเชียงใหม่ของเราจะใกล้หรือไกลเราบริการท่านได้ เราบริการลูกค้าทุกคนต่อให้ระยะทางจะไกลเพียงใด เราสามารถใช้บริการได้ทุกที่ทั่วไทยเพราะเราเข้าใจความต้องการของลูกค้า ที่อาจจะมีปลายทางที่ท่าน

ต้องการขนย้ายอยู่คนละจังหวัด แต่การบริการขนย้ายที่ไม่จำกัดในพื้นที่แต่ยังให้บริการทั่วทุกจังหวัดในประเทศอีกด้วยสนใจเรียกใช้บริการรับจ้างกับเราได้ตลอดเวลาโดยที่ท่านไม่ต้องเกรงใจ สามารถตรวจเช็คราคาค่าขนย้ายกับเราได้เลย แต่เราจะให้ราคาที่อยู่ในมาตรฐานให้กับท่านโดยที่ราคาของเราถูกและน่าใช้บริการ เราอยากให้ท่านลองเปิดใจใช้บริการรับจ้างกับเราท่านจะรู้เลยว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน เรากล้ารับประกันความพึงพอใจ โทรหาเราได้นะคะถ้าสนใจสอบถามได้

รถรับจ้างเชียงใหม่ การบริการที่ยาวนานให้บริการ 15 ปี โดยมีการพัฒนาการเรื่องรถและการบริการเรื่อยๆ และอย่างต่อเนื่จนมีการให้บริการที่ขับขยายในการบริการที่ใหญ่ขึ้นและ มีการเพิ่มรถที่ใช้ขนย้ายเข้ามาให้บริการอย่างตลอด เพื่อการให้บริการรับจ้างจะได้ไม่ต้องรอนาน อีกทั้งทีมงานก็ได้มีการอบรมและผ่านการตรวจสอบร่างกาย ก่อนที่จะให้งานการบริการรถรับจ้างทุกครั้ง และทุกคนมั่นใจในการบริการอันเป็นเลิศของรถรับจ้างขนย้ายของเราได้เป็นอย่างดี รถขนย้าย รถรับจ้างของ

เรานั้นทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะรถรับจ้างเราบริการตลอด 24 ชั่วโมง บางครั้งก็จะเดินทางในทุกเวลา แต่ถ้าจะให้สะดวกก็จะเป็นเวลากลางคืนเพราะว่าจะได้ลงของตอนเช้าเลย ดังนั้นหากคุณต้องการให้เดินทางช่วงเวลาไหนก็สามารถขอใช้บริการได้ทั้งนั้นไม่มีการติดขัดหรือยุ่งยากอะไร เรายินดีบริการและมีพนักงานยกของเราให้บริการ ไม่ว่าคุณจะต้องการยกสินค้าวันเวลาไหน สินค้าประเภทอะไรก็สามารถแจ้งให้เราทราบได้เลยทันทีค่ะ

รถรับจ้างเชียงใหม่ และจุดบริการต่างๆในจังหวัด

รถรับจ้างอำเภอเมืองเชียงใหม่
รถรับจ้างอำเภอจอมทอง
รถรับจ้างอำเภอเชียงดาว
รถรับจ้างอำเภอไชยปราการ
รถรับจ้างอำเภอดอยเต่า
รถรับจ้างอำเภอดอยหล่อ
รถรับจ้างอำเภอดอยสะเก็ด
รถรับจ้างอำเภอฝาง
รถรับจ้างอำเภอพร้าว
รถรับจ้างอำเภอแม่แจ่ม
รับจ้างอำเภอแม่แตง
รถรับจ้างอำเภอแม่ริม
รถรับจ้างอำเภอแม่วาง
รถรับจ้างอำเภอแม่อาย
รถรับจ้างอำเภอแม่ออน
รถรับจ้างอำเภอเวียงแหง
รถรับจ้างอำเภอสะเมิง
รถรับจ้างอำเภอสันกำแพง
รถรับจ้างอำเภอสันทราย
รถรับจ้างอำเภอสันป่าตอง
รถรับจ้างอำเภอสารภี
รถรับจ้างอำเภอหางดง
รถรับจ้างอำเภออมก๋อย
รถรับจ้างอำเภอฮอด

ทางทีมงานรถรับจ้างจังหวัดเชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรถกระบะรับจ้าง รถหกล้อรับจ้าง รถสิบล้อรับจ้าง รถเฮี๊ยบรับจ้าง รถขนย้ายบ้านและคนอื่นต้องขอขอบคุณลูกค้าที่น่ารักทุกท่านด้วยนะคะที่ให้โอกาสเราได้ใช้บริการงานขนย้ายของท่าน และสำเร็จไปด้วยดีเราสัญญาว่าจะตั้งใจบริการลูกค้าและดูแลสินค้าของลูกค้าให้ดีอย่างถึงที่สุด แล้วเราจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังค่ะเมื่อท่านเข้ามาใช้บริการและจะให้บริการท่านตลอดไปค่ะขอบคุณค่ะ

รถรับจ้าง เชียงใหม่ บริการดีดี ที่อยากให้รองใช้ครับ ไม่แพงอย่างที่คิด อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.rodrubjang-youservice.com/

199
เทคนิคการโพสต์ขายของ / ตรวจอาการ: ไข้เลือดออก
« เมื่อ: วันที่ 18 มกราคม 2024, 12:36:08 น. »
เป็นโรคติดเชื้อที่พบได้บ่อยมากโรคหนึ่ง ซึ่งพบได้ในทุกกลุ่มอายุ พบมากสุดในกลุ่มเด็กอายุ 5-14 ปี รองลงมา 15-24 ปี และ 0-4 ปีตามลำดับ

โรคนี้พบได้ตลอดทั้งปี และทั่วทุกภาค โดยจำนวนผู้ป่วยเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตอนต้นเดือนพฤษภาคม จนมีจำนวนสูงสุดในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงกลางฤดูฝน แล้วเริ่มมีแนวโน้มลดลงตอนปลายเดือนตุลาคม โรคนี้มีแนวโน้มเกิดการระบาดปีเว้นปี หรือปีเว้น 2 ปี

สาเหตุ
เกิดจากเชื้อไวรัสเด็งกี (dengue virus) ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 สายพันธุ์ ได้แก่ 1, 2, 3 และ 4

โดยทั่วไปเมื่อได้รับเชื้อไวรัสเด็งกีเข้าไปครั้งแรก (สามารถติดเชื้อตั้งแต่อายุได้ 6 เดือนขึ้นไป) โดยมีระยะฟักตัวประมาณ 3-15 วัน (ส่วนมาก 5-7 วัน) ผู้ป่วยจะมีไข้สูงคล้ายไข้หวัดใหญ่อยู่ 5-7 วัน และส่วนมากจะไม่มีอาการเลือดออก มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่อาจมีเลือดออก หรือมีอาการรุนแรง เรียกว่า ไข้เด็งกี (dengue fever/DF)*

ต่อมาเมื่อผู้ป่วยได้รับเชื้อซ้ำอีก (ซึ่งอาจเป็นเชื้อเด็งกีชนิดเดียวกัน หรือคนละชนิดกับที่ได้รับครั้งแรกก็ได้ และมีระยะฟักตัวสั้นกว่าครั้งแรก) ร่างกายก็จะเกิดปฏิกิริยาทำให้หลอดเลือดฝอยเปราะ และเกล็ดเลือดต่ำ จึงทำให้พลาสมา (น้ำเลือด) ไหลซึมออกจากหลอดเลือด (ตรวจพบระดับฮีมาโตคริตสูง มีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอดและช่องท้อง) และมีเลือดออกง่าย เป็นเหตุให้เกิดภาวะช็อก

โดยทั่วไปการติดเชื้อครั้งหลัง ๆ ที่ทำให้เกิดอาการรุนแรง มักจะเกิดขึ้นภายหลังการติดเชื้อครั้งแรกประมาณ 6 เดือนถึง 5 ปี มักจะทิ้งช่วงไม่เกิน 5 ปี ด้วยเหตุนี้ไข้เลือดออกที่มีอาการรุนแรง จึงมักพบในเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปีมากกว่าในวัยอื่น

โรคนี้มียุงลายบ้าน (Aedes aegypti) เป็นพาหะนำโรค กล่าวคือ ยุงลายจะกัดคนที่เป็นไข้เลือดออกก่อน แล้วจึงไปกัดคนที่อยู่ใกล้เคียง (ในรัศมีไม่เกิน 400 เมตร) ก็จะแพร่เชื้อให้คนอื่น ๆ ต่อไป ยุงชนิดนี้ชอบเพาะพันธุ์ตามแหล่งน้ำนิ่งในบริเวณบ้าน เช่น ตุ่มน้ำ โอ่งน้ำ จานรองตู้กับข้าว แจกัน ฝากะลา กระป๋อง หลุมที่มีน้ำขัง เป็นต้น เป็นยุงที่ออกหากิน (กัดคน) ทั้งในกลางวันและกลางคืน
 

ยุงลาย

* ไข้เด็งกี (dengue fever) เกิดจากการติดเชื้อเด็งกีครั้งแรกในชีวิต ส่วนใหญ่มักไม่มีอาการแสดง หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย จัดว่าเป็นโรคที่ไม่รุนแรง ซึ่งมักหายได้เองเป็นส่วนใหญ่แม้จะไม่ได้ใช้ยา หรือเพียงให้ยาบรรเทาตามอาการ เนื่องเพราะเป็นการติดเชื้อไวรัสซึ่งไม่มียารักษาจำเพาะ

อาการที่พบได้ก็คือ มีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา ปวดเมื่อยตามตัวคล้ายไข้หวัดใหญ่ โดยมักไม่มีอาการเป็นหวัดเจ็บคอแบบไข้หวัด ผู้ป่วยอาจมีผื่นแดงเล็กคล้ายหัดขึ้นตามตัว (ซึ่งบางรายอาจมีอาการคัน) บางรายอาจมีจุดแดง (จุดเลือดออก) ตามผิวหนัง

บางรายเมื่อทำการทดสอบทูร์นิเคต์อาจให้ผลบวก การตรวจเลือดพบว่าเม็ดเลือดขาวต่ำ และบางรายอาจพบเกล็ดเลือดต่ำ

โรคนี้มักหายได้เองภายใน 1 สัปดาห์ โดยที่ผู้ป่วยอาจรักษาตัวเองอยู่ที่บ้าน หรือหากไปพบแพทย์ แพทย์ก็จะวินิจฉัยจากอาการ (โดยไม่ได้ทำการทดสอบทูร์นิเคต์ และไม่ได้ตรวจเลือด) ว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ หรือโรคติดเชื้อไวรัสชนิดอื่น ๆ (เช่น ไข้ปวดข้อยุงลาย ไข้ซิกา) เพียงให้การรักษาตามอาการและติดตามสังเกตอาการ ซึ่งมักจะไม่ได้วินิจฉัยว่าเป็นไข้เด็งกี

ผู้ป่วยที่เคยติดเชื้อเด็งกีครั้งแรก จึงมักจะไม่รู้ว่าตัวเองเคยติดเชื้อเด็งกี หากในเวลาต่อมาเกิดการติดเชื้อเด็งกีซ้ำ ก็จะกลายเป็นไข้เลือดออกได้

อาการ
อาการของไข้เลือดออกแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่

ระยะที่ 1 ระยะไข้สูง ผู้ป่วยจะมีไข้สูงฉับพลัน ซึ่งมักมีลักษณะไข้สูงลอยตลอดเวลา หรือกินยาลดไข้ก็มักจะไม่ทุเลา

มักมีอาการหน้าแดง ตาแดง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย นอนซม เบื่ออาหาร

บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องในบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือชายโครงขวา หรือปวดท้องทั่วไป ท้องผูกหรือถ่ายเหลว

ส่วนมากมักจะไม่ค่อยมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล หรือไอมากอย่างผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดหรือออกหัด แต่บางรายอาจมีอาการเจ็บคอ คอแดงเล็กน้อย หรือไอบ้างเล็กน้อย

ในราววันที่ 3 ของไข้ อาจมีผื่นแดงขึ้นตามแขนขาและลำตัว ซึ่งจะเป็นอยู่ 2-3 วัน บางรายอาจมีจุดเลือดออก มีลักษณะเป็นจุดแดงเล็ก ๆ (บางครั้งอาจมีจ้ำเขียวด้วยก็ได้) ขึ้นตามหน้า แขน ขา ซอกรักแร้ ในช่องปาก (เพดานปาก กระพุ้งแก้ม ลิ้นไก่)

ในระยะนี้อาจคลำพบตับโต และมีอาการกดเจ็บเล็กน้อย

การทดสอบทูร์นิเคต์* ส่วนใหญ่จะให้ผลบวกตั้งแต่วันที่ 2 ของไข้ และในวงกลมเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว มักจะพบมีจุดเลือดออกมากกว่า 10-20 จุดเสมอ

ผู้ป่วยจะมีไข้สูงลอยอยู่ประมาณ 2-7 วัน ถ้าไม่มีอาการรุนแรง ส่วนมากไข้ก็จะลดลงในวันที่ 5-7 บางราย อาจมีไข้เกิน 7 วันได้

แต่ถ้าเป็นมาก ก็จะปรากฏอาการระยะที่ 2

ระยะที่ 2 ระยะช็อกและมีเลือดออก มักจะพบในไข้เลือดออกที่เกิดจากเชื้อเด็งกีที่มีความรุนแรงขั้นที่ 3 และ 4

อาการจะเกิดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 3-7 ของโรค ซึ่งถือว่าเป็นช่วงวิกฤติของโรค

อาการไข้จะเริ่มลดลง แต่ผู้ป่วยกลับมีอาการทรุดหนัก มีอาการปวดท้องและอาเจียนบ่อยขึ้น ซึมมากขึ้น กระสับกระส่าย ตัวเย็น มือเท้าเย็น เหงื่อออก ปัสสาวะออกน้อย ชีพจรเต้นเบาแต่เร็ว (อาจมากกว่า 120 ครั้ง/นาที) และความดันต่ำ ซึ่งเป็นอาการของภาวะช็อก ภาวะนี้เกิดขึ้นเนื่องจากพลาสมาไหลซึมออกจากหลอดเลือด ทำให้ปริมาตรของเลือดลดลงมาก ถ้าเป็นรุนแรงผู้ป่วยอาจมีอาการไม่ค่อยรู้สึกตัว ตัวเย็นชืด ปากเขียว ชีพจรคลำไม่ได้ และความดันตกจนวัดไม่ได้ หากไม่ได้รับการรักษาได้ทันท่วงที ก็อาจตายได้ภายใน 1-2 วัน

นอกจากนี้ ผู้ป่วยยังอาจมีอาการเลือดออกตามผิวหนัง (มีจ้ำเขียวพรายย้ำขึ้น) เลือดกำเดาไหล อาเจียนเป็นเลือดสด ๆ หรือเป็นสีกาแฟ ถ่ายอุจจาระเป็นเลือดสด ๆ หรือเป็นสีน้ำมันดิบ ๆ ถ้าเลือดออกมักทำให้เกิดภาวะช็อกรุนแรง และผู้ป่วยเสียชีวิตในเวลารวดเร็ว

ระยะที่ 2 นี้จะกินเวลาประมาณ 24-72 ชั่วโมง ถ้าหากผู้ป่วยสามารถผ่านช่วงวิกฤติไปได้ ก็จะเข้าสู่ระยะที่ 3

ระยะที่ 3 ระยะฟื้นตัว ในรายที่มีภาวะช็อกไม่รุนแรง เมื่อผ่านช่วงวิกฤติไปแล้วก็จะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือแม้แต่ผู้ป่วยที่มีภาวะช็อกรุนแรง เมื่อได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงทีก็จะฟื้นตัวสู่สภาพปกติ อาการที่ส่อว่าดีขึ้นก็คือ ผู้ป่วยจะเริ่มอยากกินอาหาร แล้วอาการต่าง ๆ จะกลับคืนสู่สภาพปกติ ระยะนี้อาจกินเวลา 7-10 วัน หลังผ่านระยะที่ 2

รวมเวลาตั้งแต่เริ่มป่วยเป็นไข้จนแข็งแรงดีประมาณ 7-14 วัน ในรายที่มีอาการเพียงเล็กน้อย อาจเป็นอยู่ 3-4 วันก็หายได้เอง ส่วนอาการไข้ (ตัวร้อน) อาจเป็นอยู่ 2-7 วัน บางรายอาจนาน 10 วันก็ได้


ความรุนแรงของไข้เลือดออก

ไข้เลือดออกแบ่งระดับความรุนแรงเป็น 4 ขั้น ได้แก่

ขั้นที่ 1 (เกรด 1) มีไข้และมีอาการแสดงทั่ว ๆ ไปที่ไม่เฉพาะเจาะจง อาการแสดงของการมีเลือดออกมีเพียงอย่างเดียว คือ มีจุดแดง ๆ ตามผิวหนังโดยไม่มีอาการเลือดออกอย่างอื่น ๆ และการทดสอบทูร์นิเคต์ให้ผลบวก

ขั้นที่ 2 (เกรด 2) มีอาการเพิ่มจากขั้นที่ 1 คือ มีเลือดออกเอง อาจออกเป็นจ้ำเลือดที่ใต้ผิวหนัง หรือเลือดออกจากที่อื่น ๆ เช่น อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด แต่ยังไม่มีภาวะช็อก ชีพจรและความดันโลหิตยังปกติ

ขั้นที่ 3 (เกรด 3) มีอาการแสดงของภาวะช็อก เช่น กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น เหงื่อออก ชีพจรเร็วและเบา ความดันต่ำ หรือมีความแตกต่างระหว่างความดันช่วงบนและความดันช่วงล่าง ซึ่งเรียกว่า แรงชีพจร** (pulse pressure) น้อยกว่า 30 มม.ปรอท (เช่น ความดันช่วงบน 80 ช่วงล่าง 60)

ขั้นที่ 4 (เกรด 4) มีภาวะช็อกอย่างรุนแรง ชีพจรเบาและเร็วจนจับไม่ได้ ความดันตกจนวัดไม่ได้ และ/หรือมีเลือดออกมาก เช่น อาเจียนหรือถ่ายเป็นเลือดมาก

ไข้เลือดออกที่มีความรุนแรง ถึงขั้นที่ 3 และ 4 พบได้ประมาณร้อยละ 20-30 ที่เหลืออีกร้อยละ 70-80 จะแสดงอาการในขั้นที่ 1 และ 2

การเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วยตามขั้นต่าง ๆ จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้น จึงควรดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ การเปลี่ยนจากขั้นที่ 2 มาขั้น 3 และ 4 ควรจับชีพจร วัดความดันโลหิต และถ้าเป็นไปได้ควรตรวจหาความเข้มข้นของเลือดโดยการเจาะเลือดตรวจฮีมาโทคริต และตรวจนับคำนวณเกล็ดเลือดเป็นระยะ

*การทดสอบทูร์นิเคต์ (tourniquet test) โดยใช้เครื่องวัดความดันรัดเหนือข้อศอกของผู้ป่วยด้วยค่าความดันกึ่งกลางระหว่างความดันช่วงบนและความดันช่วงล่างของคนคนนั้น (ความดันช่วงบนบวกความดันช่วงล่างหารสอง) เป็นเวลานาน 5 นาที
ถ้าไม่มีเครื่องวัดความดัน ให้ใช้ยางหนังสติ๊กรัดเหนือข้อศอกให้แน่นเล็กน้อย (ยังพอคลำชีพจรที่ข้อมือได้) นาน 5 นาที
ถ้าพบมีจุดเลือดออก (จุดแดง) เกิดขึ้นที่บริเวณท้องแขนใต้ตำแหน่งที่รัดเป็นจำนวนมากกว่า 10 จุดในวงกลมเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว (เท่ากับเหรียญบาทโดยประมาณ) แสดงว่าการทดสอบได้ผลบวก ถ้าน้อยกว่า 10 จุดก็ถือว่าได้ผลลบ
ในผู้ป่วยไข้เลือดออก การทดสอบนี้จะได้ผลบวกได้มากกว่าร้อยละ 80 ตั้งแต่เริ่มมีไข้ได้ 2 วันเป็นต้นไป ใน 1-2 วันแรกอาจให้ผลลบ
คนที่เป็นโรคเลือดที่มีเกล็ดเลือดต่ำ เช่น ไอทีพี โลหิตจางอะพลาสติก หรือคนที่เป็นไข้หวัด หรือไข้อื่น ๆ ก็อาจให้ผลบวกได้เช่นกัน
ผู้ป่วยไข้เลือดออกที่มีภาวะช็อก การทดสอบนี้อาจให้ผลลบได้
 

การทดสอบทูร์นิเคต์
 
**แรงชีพจร (ความดันชีพจร) ในคนปกติจะอยู่ระหว่าง 30-50 มม.ปรอท ถ้าน้อยกว่า 30 เรียกว่า "แรงชีพจรแคบ" เช่น 120/100, 90/70, 80/70 เป็นต้น ถ้ามากกว่า 50 เรียกว่า "แรงชีพจรกว้าง" เช่น 160/90, 150/70 เป็นต้น

ภาวะแทรกซ้อน

ที่ร้ายแรงถึงทำให้เสียชีวิตได้ ได้แก่ ภาวะเลือดออกรุนแรง (ถ้ามีเลือดออกในกระเพาะอาหารจำนวนมาก หรือมีเลือดออกในสมอง มักมีอัตราตายสูง) ภาวะช็อก และภาวะอวัยวะล้มเหลว (เช่น ตับวาย ไตวาย หัวใจวาย การหายใจล้มเหลว) ซึ่งมักพบในผู้ป่วยที่มีภาวะช็อกอยู่นาน

นอกจากนี้ อาจเป็นปอดอักเสบ (อาจมีภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอดร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้) สมองอักเสบ หลอดลมอักเสบ หรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบแทรกซ้อนได้ แต่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก

ผู้หญิงตั้งครรภ์ อาจเสี่ยงต่อการแท้งบุตร ทารกเสียชีวิตในครรภ์ คลอดก่อนกำหนด  หรือทารกแรกเกิดมีน้ำหนักตัวน้อย

ในกรณีที่ผู้ป่วยไข้เลือดออกได้รับน้ำเกลือเข้าทางหลอดเลือดดำมากไป อาจเกิดภาวะปอดบวมน้ำ (pulmonary edema) เป็นอันตรายได้ ดังนั้นเวลาให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด ควรตรวจดูอาการอย่างใกล้ชิด

การวินิจฉัย
แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย

สิ่งตรวจพบที่สำคัญ ได้แก่ ไข้สูง (39-40 องศาเซลเซียส ซึ่งมักจะเป็นอยู่ตลอดเวลา) หน้าแดง เปลือกตาแดง นอนซม

อาจคลำได้ตับโต กดเจ็บ มีผื่นแดงหรือจุดแดงจ้ำเขียวตามตัว การทดสอบทูนิเคต์ให้ผลบวก (อาจให้ผลลบในวันแรก ๆ ของไข้)

ในรายที่เป็นรุนแรง (มีความรุนแรงขั้นที่ 3 และ4) จะตรวจพบภาวะช็อก (มีอาการกระสับกระส่าย มือเท้าเย็น เหงื่อออก ชีพจรเร็วและเบา ความดันต่ำหรือมีความแตกต่างระหว่างความดันช่วงบนและความดันช่วงล่างน้อยกว่า 30 มม.ปรอท) บางรายอาจตรวจพบอาการเลือดออก (เช่น เลือดกำเดาไหลอาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด)

ในรายที่ยังวินิจฉัยจากอาการและการตรวจร่างกายไม่ได้แน่ชัด แพทย์จะทำการตรวจเลือด พบเม็ดเลือดขาวมีจำนวนต่ำกว่าปกติ (ต่ำกว่า 5,000 เซลล์ต่อเลือด 1 ลูกบาศก์มิลลิเมตร), เกล็ดเลือดมีจำนวนต่ำกว่าปกติ (ต่ำกว่า 150,000 ตัวต่อเลือด 1ลูกบาศก์มิลลิเมตร), ฮีมาโทคริต (ซึ่งวัดระดับความเข้มของเลือด) สูงกว่าปกติ เนื่องจากพลาสมาไหลซึมออกจากหลอดเลือด ทำให้ปริมาตรของเลือดลดลง

ในการวินิจฉัยโรคนี้ให้ชัดเจน แพทย์จะทำการตรวจหาเชื้อในเลือด (ด้วยวิธี NS1 หรือ PCR ซึ่งจะให้ผลที่ดีสำหรับผู้ที่มีอาการไข้ 1-3 วัน) สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไข้ตั้งแต่ 4 วันขึ้นไป แพทย์อาจทำการทดสอบทางน้ำเหลือง เพื่อดูสารภูมิต้านทานต่อเชื้อไข้เลือดออกโดยวิธี ELISA (สามารถทราบผลจากการตรวจเพียงครั้งเดียว) หรือวิธี hemagglutination inhibition (HI ซึ่งต้องตรวจ 2 ครั้ง ห่างกัน 2 สัปดาห์)

การรักษาโดยแพทย์
แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ถ้าอาการไม่รุนแรง (มีอาการในขั้นที่ 1) คือเพียงแต่มีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร โดยยังไม่มีอาการเลือดออกหรือมีภาวะช็อก จะให้การรักษาตามอาการ ดังนี้

    ให้ผู้ป่วยพักผ่อนมาก ๆ
    หากมีไข้สูง ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวบ่อย ๆ และให้ยาลดไข้-พาราเซตามอล คำนวณขนาดตามน้ำหนักตัวหรือตามอายุ ให้ได้ไม่เกิน 4 ครั้งใน 24 ชั่วโมง ห้ามให้แอสไพริน เพราะอาจทำให้มีเลือดออกได้ง่ายขึ้น หรืออาจทำให้เกิดโรคเรย์ซินโดรมได้ และห้ามให้ยาลดไข้กลุ่มยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สตีรอยด์ (เช่น ไอบูโพรเฟน) เพราะอาจทำให้มีเลือดออกได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ให้ยาลดไข้ บางครั้งไข้ก็อาจจะไม่ลดก็ได้ ระวังอย่าให้พาราเซตามอลถี่กว่ากำหนด อาจมีพิษต่อตับได้
    ให้อาหารอ่อน ๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก นม น้ำหวาน
    ให้ดื่มน้ำมาก ๆ จนปัสสาวะออกมากและใส อาจเป็นน้ำเปล่า น้ำผลไม้ น้ำอัดลม (ควรเขย่าฟองออกก่อน) หรือสารละลายน้ำตาล เกลือแร่
    เฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด อาจต้องนัดผู้ป่วยมาตรวจดูอาการทุกวัน ตรวจจับชีพจร วัดความดัน และตรวจดูอาการเลือดออก รวมทั้งทดสอบทูร์นิเคต์ ถ้าวันแรก ๆ ให้ผลลบ ก็จะทำซ้ำในวันต่อ ๆ มา

2. ถ้าผู้ป่วยมีอาการอาเจียนมาก มีภาวะขาดน้ำ ช็อก หรือเลือดออก (มีอาการในขั้นที่ 2-4) แพทย์จะรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล ทำการเจาะเลือดตรวจวัดระดับฮีมาโทคริต (ดูความเข้มข้นของเลือดเป็นระยะ ๆ ถ้าเลือดข้นมากไป เช่น ฮีมาโทคริตมีค่ามากกว่า 50% ขึ้นไป ก็แสดงว่าปริมาตรของเลือดลดน้อย) นับจำนวนเม็ดเลือดขาว และจำนวนเกล็ดเลือด (พบว่าต่ำกว่าปกติทั้งคู่ เกล็ดเลือดจะเริ่มต่ำประมาณวันที่ 3-4 ของไข้ โรคยิ่งรุนแรงเกล็ดเลือดจะยิ่งต่ำมาก)

นอกจากนี้ อาจทำการตรวจอื่น ๆ เช่น อิเล็กโทรไลต์ในเลือด ตรวจการทำงานของตับ (มักพบ AST และ ALT สูง) ตรวจภาวะการแข็งตัวของเลือด (congulation study) ตรวจปัสสาวะ เอกซเรย์ปอด เป็นต้น

แพทย์จะทำการรักษา โดยให้น้ำเกลือรักษาภาวะช็อกหรือภาวะขาดน้ำ ถ้าจำเป็นอาจให้พลาสมาหรือสารแทนพลาสมา (เช่น แอลบูมินหรือเดกซ์แทรน) ให้เลือดถ้ามีเลือดออก และรักษาภาวะแทรกซ้อนที่ตรวจพบ

ผลการรักษา ส่วนใหญ่หายได้เป็นปกติภายใน 1-2  สัปดาห์ ส่วนน้อยมากที่อาจเสียชีวิต (เฉลี่ยในผู้ป่วย 1,000 คน มีการเสียชีวิตประมาณ 1 คน) จากภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น เลือดออกรุนแรง มีภาวะช็อก อวัยวะล้มเหลว (เช่น ตับวาย ไตวาย หัวใจวาย การหายใจล้มเหลว) มีการติดเชื้อแทรกซ้อน เป็นต้น ผู้ที่เสียชีวิตมักมีปัจจัยเสี่ยง เช่น มีโรคประจำตัว (เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเลือด โรคพิษสุราเรื้อรัง เป็นต้น) อายุต่ำกว่า 1 ปี กินยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สตีรอยด์ (เช่น ไอบูโพรเฟน) เข้ารับการรักษาช้า หรือปล่อยให้มีอาการรุนแรงค่อยมาพบแพทย์

การดูแลตนเอง
หากสงสัย เช่น มีไข้สูงหรือมีไข้ตลอดเวลาร่วมกับอาการเบื่ออาหาร นอนซม หรือมีไข้ในช่วงที่มีคนในละแวกใกล้เคียงเป็นไข้เลือดออก ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นไข้เลือดออก ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    กินยาลดไข้-พาราเซตามอลตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร แม้ว่ากินยาแล้วไข้ไม่ยอมลดก็ห้ามกินถี่กว่าที่แนะนำ เพราะการใช้ยานี้มากเกินอาจมีพิษต่อตับได้
    หลีกเลี่ยงการซื้อยาใช้เอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาลดไข้-แอสไพริน และยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สตีรอยด์ (เช่น ไอบูโพรเฟน) เพราะอาจทำให้เลือดออกง่าย
    ให้อาหารอ่อน ๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก นม น้ำหวาน (ควรหลีกเลี่ยงน้ำที่มีสีแดง เพราะหากอาเจียนอาจทำให้แยกไม่ออกว่าเป็นการอาเจียนออกเป็นเลือดหรือเป็นน้ำที่ดื่ม)
    ให้ดื่มน้ำมาก ๆ จนปัสสาวะออกมากและใส อาจเป็นน้ำเปล่า น้ำผลไม้ น้ำอัดลม (ควรเขย่าฟองออกก่อน และหลีกเลี่ยงน้ำที่ออกสีเข้ม) หรือสารละลายน้ำตาลเกลือแร่


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีไข้นานเกิน 1 สัปดาห์ หรือมีอาการหนาวสั่นมาก
    ปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก กระสับกระส่าย หรือซึมมาก
    หายใจหอบ
    ปวดท้องตรงยอดอกหรือลิ้นปี่
    ซีด ตาเหลืองตัวเหลือง เบื่ออาหารมาก หรือดื่มน้ำได้น้อย
    มือเท้าเย็นชืด มีเหงื่อออกและท่าทางไม่สบายมาก
    มีจุดแดงจ้ำเลือดขึ้นตามตัว
    มีเลือดออก เช่น เลือดกำเดาไหล อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด เป็นต้น
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

1. ทำลายแหล่งเพาะพันธ์ยุงลาย เช่น

    ปิดฝาโอ่งน้ำหรือภาชนะใส่น้ำให้มิดชิด ป้องกันไม่ให้ยุงเล็ดลอดเข้าไปวางไข่ได้ ด้วยฝาอะลูมิเนียม ผ้า ตาข่ายไนล่อน หรือวัสดุอื่น
    เปลี่ยนน้ำในแจกันทุก 7 วัน สำหรับแจกันพลูด่างต้องใช้น้ำชะล้างไข่หรือลูกน้ำที่เกาะติดตามรากพลูด่างและข้างในแจกัน
    เปลี่ยนน้ำในจานรองตู้กับข้าวทุก 7 วัน หรือใส่น้ำเดือดลงไปในจานรองตู้กับข้าวทุก 7 วัน หรือใส่น้ำส้มสายชู ผงซักฟอก หรือเกลือแกงในน้ำที่อยู่ในจานรองตู้ (ใช้เกลือขนาด 2 ช้อนชา/น้ำ 1 แก้ว)
    จานรองกระถางต้นไม้ ควรใส่ทรายธรรมดาให้ลึก 3 ใน 4 ส่วนของจานขนาดใหญ่ หรือเทน้ำที่ขังอยู่ในจานขนาดเล็กทิ้งทุก 7 วัน
    ควรเก็บกระป๋อง ฝาขวด (ฝาเบียร์) กะลา ยางรถยนต์เก่า ๆ หรือสิ่งที่จะเป็นที่ขังน้ำ ซึ่งอยู่ในบริเวณบ้าน โรงเรียน และแหล่งชุมชน ทำลายหรือฝังดินให้หมด
    ยางรถยนต์เก่าถ้าไม่โยนทิ้งควรหาทางปกคลุม หรือเจาะรูระบายไม่ให้น้ำขัง หรือนำมาทำเป็นที่ปลูกต้นไม้หรือพืชผักสวนครัว เครื่องใช้ (เช่น ที่ทิ้งขยะ เก้าอี้) แต่จะต้องดัดแปลงยางรถยนต์ให้ขังน้ำไม่ได้
    ปรับพื้นบ้านและสนามอย่าให้เป็นหลุมเป็นบ่อที่มีน้ำขังได้
    กำจัดลูกน้ำยุงลายด้วยการใส่ทรายอะเบต (abate)* ลงในตุ่มน้ำและภาชนะกักเก็บน้ำทุกชนิด
    เลี้ยงปลาหางนกยูงไว้กินลูกน้ำในภาชนะที่ใส่น้ำสำหรับใช้ (ไม่ใช่น้ำสำหรับบริโภค) ในอ่างบัว หรืออ่างปลูกต้นไม้น้ำ โดยใส่ปลาหางนกยูง 2-10 ตัวต่อภาชนะ ควรใส่เฉพาะปลาตัวผู้เพื่อคุมปริมาณปลาหางนกยูง

2. หาวิธีป้องกันอย่าให้ยุงลายกัด ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน เช่น ใส่เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวเวลาออกนอกบ้าน, อยู่ในห้องที่มีมุ้งลวด หรือให้เด็กเล็กนอนกางมุ้ง, ใช้ยาทากันยุงทาตามตัวเวลาอยู่ในที่ที่มียุง เป็นต้น

3. ปัจจุบันมีวัคซีนที่ใช้ฉีดป้องกันโรคไข้เลือดออก มีการรายงานว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนจนครบจำนวน 3 เข็ม (ซึ่งแต่ละเข็มห่างกัน 6 เดือน) สามารถป้องกันโรคไข้เลือดออกได้เป็นระยะเวลา 5-6 ปี โดยมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคนี้จากเชื้อเด็งกีทั้ง 4 สายพันธุ์ได้ราวร้อยละ 65 และลดความรุนแรงของโรคได้ราวร้อยละ 93 ทั้งนี้ แพทย์จะฉีดให้เฉพาะผู้ที่เคยติดเชื้อเด็งกีมาก่อน

สำหรับผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อเด็งกีมาก่อนแพทย์จะไม่แนะนำให้ฉีด เนื่องจากเมื่อฉีดไปแล้ว หากมีการติดเชื้อเด็งกี มีโอกาสเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นไข้เลือดออกที่รุนแรง และการนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล

เนื่องจากวัคซีนไข้เลือดออกยังมีราคาแพง และมีข้อระมัดระวังในการใช้ ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาตัดสินใจในการฉีดวัคซีนชนิดนี้

*ใส่ทรายอะเบต (abate) ชนิด 1% ในอัตราส่วน 10 กรัม/น้ำ 100 ลิตร (ตุ่มมังกรขนาด 8 ปีบ ใช้อะเบต 2 ช้อนชา ตุ่มซีเมนต์ขนาด 12 ปีบ ใช้อะเบต 2.5 ช้อนชา) ควรเติมใหม่ทุก 2-3 เดือน น้ำที่ใส่ทรายอะเบตสามารถใช้ดื่มกินได้อย่างปลอดภัย


ข้อแนะนำ

1. ไข้เลือดออกมักแยกออกจากไข้หวัดได้ โดยที่ไข้เลือดออกมักไม่มีอาการคัดจมูกน้ำมูกไหล อาจมีไข้สูงหน้าแดง ตาแดง หรือมีผื่นขึ้นคล้ายหัด แต่แยกออกจากหัดได้ โดยหัดจะมีน้ำมูกและไอมากและตรวจพบจุดค๊อปลิก

นอกจากนี้อาการไข้สูงโดยไม่มีน้ำมูก ยังอาจทำให้ดูคล้ายไข้ผื่นกุหลาบในทารก ไข้หวัดใหญ่ ไทฟอยด์ มาลาเรีย ตับอักเสบจากไวรัสระยะแรก เล็ปโตสไปโรซิส เป็นต้น (ตรวจอาการไข้)

ในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี อาจมาด้วยอาการไข้สูงร่วมกับชักก็ได้

ดังนั้นในช่วงฤดูฝนหรือในช่วงที่มีการระบาดของไข้เลือดออก ถ้าพบผู้ที่มีอาการไข้สูงเฉียบพลัน ไม่ว่าเด็กเล็กหรือผู้ใหญ่ ควรทำการทดสอบทูร์นิเคต์ หรือตรวจพิเศษเพิ่มเติม เพื่อพิสูจน์ไข้เลือดออกทุกราย

2. ไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อไวรัส จึงไม่มียาที่ใช้รักษาโดยเฉพาะ

ประมาณร้อยละ 70-80 ของผู้ที่เป็นไข้เลือดออก จะมีอาการเพียงเล็กน้อยและหายได้เองภายในประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพียงแต่ให้การรักษาตามอาการ และให้ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อป้องกันภาวะช็อกก็เพียงพอ ไม่ต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล ไม่ต้องฉีดยาให้น้ำเกลือ หรือให้ยาพิเศษแต่อย่างใด รวมทั้งไม่ต้องให้ยาปฏิชีวนะและสตีรอยด์

ประมาณร้อยละ 20-30 ที่อาจมีภาวะช็อกหรือเลือดออก ซึ่งก็มีทางรักษาให้หายได้ด้วยการให้น้ำเกลือหรือให้เลือด มีเพียงส่วนเล็กน้อยเท่านั้นอาจรุนแรงมากจนเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะถ้าพบในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว อาจมีอัตราตายสูงกว่ากลุ่มอื่น ๆ

3. ระยะวิกฤติของโรคนี้คือวันที่ 3-7 ของไข้ ซึ่งผู้ป่วยอาจมีภาวะช็อกหรือเลือดออกได้ ดังนั้นจึงควรเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ถ้าพ้นระยะนี้ไปได้ก็ถือว่าปลอดภัย

4. ผู้ที่เป็นไข้เลือดออกในระยะแรก ถ้ามีอาการปวดท้อง อาเจียนมาก หรือเบื่ออาหาร (ดื่มน้ำได้น้อย) อาจมีภาวะช็อกตามมาได้ ดังนั้นถ้าพบอาการเหล่านี้ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ ควรพยายามให้ดื่มน้ำให้มาก ๆ ถ้าดื่มไม่ได้ควรแนะนำไปโรงพยาบาล อาจต้องให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ และเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด

5. เนื่องจากเชื้อไข้เลือดออกมีอยู่หลายชนิด ดังนั้นคนเราจึงอาจติดเชื้อไข้เลือดออกได้หลายครั้ง แต่ส่วนมากจะมีอาการคล้ายไข้หวัด แล้วหายได้เอง ส่วนน้อยที่อาจเป็นรุนแรงถึงช็อก และแต่ละคนจะมีโอกาสเป็นไข้เลือดออกชนิดรุนแรงเพียงครั้งเดียว (หรืออย่างมากไม่ควรเกิน 2 ครั้งในชั่วชีวิต) ที่จะเป็นรุนแรงซ้ำ ๆ กันหลายครั้งนั้นนับว่ามีน้อยมาก

6. ผู้ที่เป็นไข้เลือดออก สามารถให้พาราเซตามอลเพื่อลดไข้ได้ แต่ควรแยกแยะอาการตัวเย็นจากยาลดไข้ให้ออกจากภาวะช็อก กล่าวคือ ถ้าตัวเย็นเนื่องจากยาลดไข้ ผู้ป่วยจะดูสบายดีและหน้าตาแจ่มใส แต่ถ้าตัวเย็นจากภาวะช็อก ผู้ป่วยจะซึมหรือกระสับกระส่าย

อย่างไรก็ตาม ควรย้ำให้ผู้ป่วยและญาติทราบว่าการใช้ยาลดไข้อาจไม่ทำให้ไข้ลด ถ้าไข้ไม่ลดก็ให้เช็ดตัวด้วยน้ำเย็น อย่าให้พาราเซตามอลเกินขนาดที่กำหนด ถ้าให้มากไปหรือถี่เกินไป อาจมีพิษต่อตับถึงขั้นอันตรายได้ และอย่าหันไปใช้ยาลดไข้ชนิดอื่น เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน หรือยี่ห้ออื่น ๆ ที่ไม่ใช่ประกอบด้วยยาพาราเซตามอลล้วน ๆ (โดยอ่านดูฉลากยาให้แน่ใจ) เพราะยาแก้ไข้อื่น ๆ อาจมีอันตรายต่อผู้ป่วยไข้เลือดออกได้

7. ในรายที่จำเป็นต้องให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ ควรให้ด้วยความระมัดระวัง อย่าให้น้อยไปหรือมากไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีภาวะวิกฤติประมาณ 24-48 ชั่วโมง จำเป็นต้องตรวจวัดระดับฮีมาโทคริต อย่างใกล้ชิด และปรับปริมาณและความเร็วของน้ำเกลือที่ให้ตามความรุนแรงของผู้ป่วย ต้องระวังการให้น้ำเกลือมากหรือเร็วเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะปอดบวมน้ำ เป็นอันตรายได้




ตรวจอาการ: ไข้เลือดออก อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/symptom-checker

200
เมื่อต้องกลับมาทำงานอีกครั้งหลังจากหยุดยาว เรามักจะมีปัญหาง่วงซึมหลังจากมื้อกลางวัน ส่งผลให้เสียสมาธิในการทํางาน หรืออาจจะเป็นช่วงเวลาที่แสนทรมานสําหรับใครหลายๆ คนเลยใช่ไหมคะ ให้เครื่องดื่มแก้ง่วงและของกินแก้ง่วงเป็นตัวช่วยในการทำงาน ทั้งยังให้ประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย เรามาเปิด List และเอาชนะความง่วงได้ง่ายๆ ด้วยเครื่องดื่มและของกินเหล่านี้ ไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง



1.กาแฟ

กาแฟเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มแก้ง่วงที่ดีที่สุดและเป็นเครื่องดื่มยอดนิยม เพราะมีสารคาเฟอีนสูงมากกว่าเครื่องดื่มชนิดอื่น ซึ่งคาเฟอีนเป็นสารกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางและเมตาบอลิซึมหรือกลไกการเผาผลาญสารอาหารในร่างกาย การดื่มกาแฟแก้ง่วง ควรเลือกดื่มกาแฟที่ไม่ผสมนํ้าตาล และอยู่ในแก้วเก็บอุณหภูมิที่เหมาะสม เพื่อรักษาคุณภาพและรสชาติของกาแฟ อีกทั้งการดื่มกาแฟดำวันละ 1-2 แก้ว จะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจและช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้
แก้วชงชา

 
2.ชา

สำหรับใครที่มองหาเครื่องดื่มแก้ง่วงที่ไม่ใช่กาแฟ การดื่มชาแก้ง่วงถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี เพราะชาชงสดนั้น ทำให้รู้สึกสดชื่น และผ่อนคลายได้ แต่ขั้นตอนการชงควรต้องผ่านตัวกรอก ซึ่งปัจจุบันเราจึงนิยมเลือกใช้ คำ แก้วน้ำมีไส้กรอง เพื่อความสะดวกในการใช้งาน นอกจากนี้ ใบชายังอุดมไปด้วย สารประกอบอันมีฤทธิ์ในการช่วยดักจับอนุมูลอิสระและยังมีธีอะนิน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่มีฤทธิ์การทำงานสัมพันธ์กันกับเส้นประสาทร่างกาย ยิ่งไปกว่านั้น ชาชงสด ยังสามารถช่วยลดการอักเสบ ชะลอวัย และลดโอกาสเกิดโรคมะเร็ง อย่างไรก็ตาม ควรเลือกดื่มชาที่ไม่ผสมนํ้าตาล และไม่ควรดื่มชาตอนท้องว่าง เพราะจะทําให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดออกมามากกว่าปกติได้



3.น้ำเย็น

อีกหนึ่งเครื่องดื่มแก้ง่วงที่ไม่ใช่กาแฟ คือ น้ำเย็น เพราะน้ำเป็นส่วนประกอบของร่างกาย ที่มีอยู่ประมาณ 60% ทุกระบบของร่างการต้องการน้ำ เราควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร เพื่อให้ร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ การดื่มน้ำเย็นจะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย ทริคง่ายๆ ในการเก็บความสดชื่นของน้ำไว้คือการเก็บน้ำเย็นไว้ใน  ขวดน้ำเก็บอุณหภูมิพกติดตัว หรือมีติดโต๊ะทำงานไว้เพื่อรักษาความเย็นสดชื่น ให้คุณพร้อมตื่นทำงานในทุกวัน นอกจากน้ำเย็นจะเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มแก้ง่วงที่ดีที่สุดแล้ว การดื่มน้ำเย็นยังช่วยทำให้อัตราการเต้นของหัวใจปกติ ช่วยให้อัตราการเผาผลาญพลังงานแคลอรีเพิ่มสูงขึ้น ช่วยควบคุมอุณหภูมิในร่างกาย ปรับฃความดันโลหิต ป้องกันอาการท้องผูก และรักษาสมดุลของอิเล็กโทรไลต์ (โซเดียม)


4. เครื่องดื่มซุปไก่สกัด

เครื่องดื่มซุปไก่สกัด มีรสชาติและกลิ่นหอมที่สามารถกระตุ้นประสาทสัมผัส บำรุงหลอดเลือด และลดอาการเมื่อยล้า บอกเลยว่าเป็นเครื่องดื่มแก้ง่วงที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และเหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ หากต้องการเพิ่มความสดชื่น สามารถใส่ขวดน้ำพลาสติกและแช่เย็น การดื่มเครื่องดื่มซุปไก่สกัดถือเป็นเคล็ดลับกระตุ้นการทำงานและบำรุงสมองไปพร้อมกัน ที่จะช่วยให้คุณหายง่วง และสดชื่นพร้อมทำงานในทุกวัน


5. เครื่องดื่มชูกำลัง

เครื่องดื่มชูกำลังถือเป็นเครื่องดื่มแก้ง่วงเสริมแรงสำหรับผู้ที่ต้องการตื่นอย่างเร่งด่วน เรียกได้ว่า เป็นเครื่องดื่มขวัญใจนักขับและผู้ที่ชอบการเดินทาง เพราะช่วยเรียกกำลังและสมาธิในการขับรถ  เครื่องดื่มชูกำลังมีส่วนผสมของคาเฟอีนช่วยกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง และเสริมพลังการตื่นตัวด้วยสารให้ความหวาน จึงไม่แปลกที่จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการเลือกเป็นเครื่องดื่มแก้ง่วงในยามขับรถหรือเดินทางไกล


6. น้ำมะนาว

เปรี้ยวจนสะดุ้ง คือ รสเปรี้ยวของน้ำมะนาว ไอเทมที่ทุกบ้านมีติดตู้เย็น แต่ใครจะรู้ว่าว่านอกจากจะใช้เป็นเครื่องปรุงรสในอาหารแล้ว ยังสามารถทำเป็นเครื่องดื่มแก้กระหาย ช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่น ตื่นตัว และแก้ง่วงในระหว่างวันได้อีกด้วย น้ำมะนาวมีประโยชน์ คือ ให้วิตามินซีสูง กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ พร้อมด้วยวิตามินบี แร่ธาตุ และไฟเบอร์ เพิ่มความคล่องตัวในการขับถ่าย นอกจากนี้ ยังมีแมกนีเซียม แคลเซียม โปรตีน และฟอสฟอรัสอยู่เป็นจำนวนมาก และมีกรดซิตริกที่เมื่อผ่านกระบวนการย่อยแล้วจะมีคุณสมบัติเป็นเบส ช่วยรักษา PHในร่างกายให้อยู่ในระดับปกติ อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการและลดการอักเสบในลำคอได้อีกด้วย


ผลไม้รสเปรี้ยว

1.ผลไม้รสเปรี้ยว

ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น สับปะรด  ส้ม เสาวรส สตรอว์เบอร์รี หรือ กีวี่ ใส่กล่องถนอมอาหารติดโต๊ะทํางานไว้ เป็นของกินแก้ง่วงที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่เพียงเพราะแค่รสชาติของมันก็สามารถทําให้คุณตื่นได้ ผลไม้รสเปรี้ยวยังมีวิตามินซีสูงซึ่งช่วยบำรุงสมอง และมีสารฟลาโวนอยด์อยู่ในปริมาณมาก ซึ่งมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคระบบประสาทเสื่อมสภาพ เช่น อัลไซเมอร์ และพาร์กินสัน ที่เกิดจากการอักเสบของระบบประสาทบางส่วนได้ นอกจากผลไม้รสเปรี้ยวจะช่วยให้เราสดชื่น ลดอาการอ่อนเพลีย และอาการปวดหัวได้  ซึ่งเหมาะกับชาวออฟฟิศที่หักโหมงานหนัก และพักผ่อนน้อย ผลไม้รสเปรี้ยวยังเหมาะกับผู้ที่มักขับรถทางไกลเป็นอย่างมากอีกด้วย
หมากฝรั่งและลูกอม


 2. หมากฝรั่งและลูกอม

การขบเคี้ยวช่วยเรียกสมาธิระหว่างการทำงานหรือเดินทางได้ ลูกอมและหมากฝรั่งจึงถือว่าเป็นตัวช่วยอย่างหนึ่งที่ควรมีติดไว้แก้ง่วงเพราะนอกจากจะช่วยจากอาการง่วงแล้ว ระหว่างขบเคี้ยวยังเป็นการบริหารกล้ามเนื้อ และกระตุ้นการรับรู้ให้คุณรู้สึกตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา และในปัจจุบันหมากฝรั่งและลูกอมหลายๆ ยี่ห้อเริ่มใส่สารอาหาร ที่มาประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินซี คอลลาเจน จนไปถึง แคลเซียม ทำให้หมากฝรั่งและลูกอมที่นอกจากจะเป็นของกินแก้ง่วงได้แล้วยังสามารถเลือกขบเคี้ยว เพื่อรับสารอาหารที่มีประโยชน์ เติมสารอาหารและวิตามินเข้าร่างกายได้อีกทางหนึ่ง


 3.บ๊วยเค็ม

รสชาติของบ๊วยเค็มเป็นรสที่ทำให้คุณตื่นได้ในทันที  เค็มสมชื่อแต่ก็ตื่นสมใจ ราคาย่อมเยา จึงเป็นตัวช่วยแก้ง่วงสำหรับนักเรียนนักศึกษาอย่างดี รับรองว่าครั้งหนึ่งในชีวิตคุณจะต้องได้ลองลิ้มรสชาติของบ๊วยเค็มอย่างแน่นอน ข้อแนะนำคือ ควรทานทีละน้อยๆ ไม่งั้นลิ้นของคุณอาจชาได้ นอกจากสชาติเค็มที่ทำให้อาการง่วงนอนหายแล้ว เม็ดบ๊วยยังอุดมไปด้วยประโยชน์ เพราะมีทั้งแคลเซียมและธาตุเหล็กอีกด้วย


4. ขนมปังโฮลวีตและข้าวกล้อง

คุณเคยสังเกตกันไหม ว่าทำไมหลังรับประทานอาหารเสร็จเรามักรู้สึกง่วงขึ้นมา เหมือนสุภาษิตที่ว่า หนังท้องตึงหนังตาหย่อน นั้นเพราะว่าข้าวสวยและข้าวเหนียวมีค่าน้ำตาลสูง หลังจากรับประทานเข้าไปนั้น ระดับน้ำตาลในเลือดจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน เพื่อนำน้ำตาลไปเปลี่ยนเป็นพลังงาน ส่งผลให้เราสดชื่นหลังกินเสร็จได้ แต่ไม่ทันไร ก็กลับมาหมดแรงและเกิดอาการง่วงนอน เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยากรู้สึกง่วงนอนหลังรับประทานอาหาร ควรเปลี่ยนมารับประทานขนมปังโฮลวีตและข้าวกล้องแทน เพราะในขนมปังโฮลวีตและข้าวกล้องมีน้ำตาลค่อนข้างต่ำ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ และเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดไม่เพิ่มขึ้นและลดลงอย่างรวดเร็ว จะไม่ก่อให้เกิดอาการอ่อนเพลียและง่วงซึม หลังรับประทานอาหาร


5.ผักใบเขียวและถั่วเหลือง

ผักใบเขียวและถั่วเหลืองถือเป็นอีกหนึ่งของกินแก้ง่วงที่ดีที่สุด เพราะมีธาตุเหล็กสูง กล่าวคือ เมื่อร่างกายของเราขาดธาตุเหล็ก ก็เหมือนร่างกายขาดออกซิเจน ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ง่วงซึม ขาดสมาธิ เหนื่อยง่าย และประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหวลดลง ซึ่งในผักใบเขียวและถั่วเหลืองมีธาตุเหล็กอยู่มากจะช่วยเรื่องลดอาการอ่อนเพลียได้ดี เมื่อเราไม่อ่อนเพลียและร่างกายได้รับสารอาหารครบ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการแก้ง่วง โดยการปรับสมดุลร่างกายให้แข็งแรงไม่อ่อนเพลียพร้อมทำงานในทุกช่วงของวัน


เปิด List ของกินและเครื่องดื่มแก้ง่วงตอนทำงาน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/products/

201
การฝังรากฟันเทียม เป็นการรักษาปัญหาฟันที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ทดแทนการใส่ฟันปลอมที่นิยมในสมัยก่อน ซึ่งการฝังรากฟันเทียมเป็นทดแทนฟันที่มีประสิทธิภาพมากและมีการใช้งานที่เหมือนฟันธรรมชาติมากที่สุด อย่างไรก็ตาม เมื่อทำการฝังรากฟันเทียมแล้ว อาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นหลังจากที่ฝังรากฟันเทียมแล้ว ขณะที่กลับไปพักฟื้นอาจจะทำให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมา

แต่หากผู้เข้ารับการรักษาทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์ ก็อาจจะทำให้มีอาการที่ดีขึ้น แต่หากไม่ทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์ ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาหรือภาวะแทรกซ้อนได้ เพราะฉะนั้นการทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์จะเป็นการป้องกันปัญหาที่จะตามมาภายหลังได้

อย่างเช่นการรับประทานอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง หลังจากทำการฝังรากฟันเทียม หรือผู้ป่วยที่สูบบุหรี่ และสูบบุหรี่ขณะการพักฟื้น ก็อาจจะทำให้แผลหายช้ากว่าเดิม และเกิดการอักเสบติดเชื้อได้ เพราะการสูบบุหรี่ส่งผลโดยตรงต่อช่องปาก อาจจะทำให้รากฟันเทียมที่ทำการติดตั้งภายในช่องปากเกิดหลุดออกมาได้ การหลุดของรากฟันเทียมเกิดขึ้นได้จากที่ผู้เข้ารับการรักษารับประทานอาการที่แข็งและเหนียว ในขณะที่รากฟันยังไม่เข้าที่และยังไม่ประสานตัวกันอย่างสนิท หรืออาจจะมีการอักเสบติดเชื้อ ทำให้รากฟันหลุดได้ และปัญหาดังกล่าวนี้ ทำให้ทันตแพทย์ทำการแก้ไขได้ยาก จึงมีความจำเป็นที่จะต้องการการฝังรากฟันเทียมใหม่ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาการแก้ไขที่ยุ่งยาก ซับซ้อน ดังนั้นการป้องกันและระมัดระวังในเรื่องของการรับประทานอาหารที่จะทำให้เกิดปัญหาที่จะทำให้รากฟันเทียมหลุดจึงมีความจำเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ผู้เข้ารับการรักษาควรทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์ ระมัดระวังเรื่องของการรับประทานอาหาร ควรงดรับประทานอาหารที่แข็งและเหนียว ขณะที่รากฟันเทียมยังประสานตัวกันยังไม่สนิท รวมไปถึงผู้เข้ารับการรักษาที่มีประวัติการสูบบุหรี่ ก็ควรงดสูบตามคำแนะนำของทันตแพทย์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และอักเสบของแผลและเหงือก และการดื่มแอลกอฮอล์ ก็ควรหลักเลี่ยงหลังจากที่ทำการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม เพราะแอลกอฮอล์จะส่งผลแผลหายช้า และอาจจะทำให้เกิดการอักเสบของเหงือกและแผลตามมาได้ และอาจจะส่งให้รากฟันเทียมหลุดได้ หากอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้ามาปรึกษาทันตแพทย์ที่คลีนิคได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ


วิธีการรักษา ด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด !

การผ่าตัดด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม เป็นการรักษาทางทันตกรรม ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องของการทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป เพื่อจะช่วยให้ผู้เข้ารับการรักษามีรอยยิ้มที่มั่นใจ และการใช้งานฟัน รับประทานอาหารอย่างมีความสุข ซึ่งหลายคนมีอาการหวาดกลัว เมื่อต้องเข้ารับการรักษาเกี่ยวกับทางทันตกรรม เพราะการรักษาฟัน อาจจะทำให้มีอาการเสียว และเจ็บปวดมาก เนื่องจากฟันนั้นมีความเชื่อมโยงเกี่ยวกันเส้นประสาท อาจจะทำให้เกิดอาหารเสียวและอาการปวดไปถึงสมอง หลายคนกังวลเรื่องของความเจ็บปวด จึงไม่กล้าที่เข้ารับการแก้ไขปัญหาฟัน บางรายอาจจะละเลย จนทำให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมามากมาย

การรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม ฟังจากชื่อแล้ว ก็น่าจะเจ็บอยู่พอสมควร แต่การรักษาด้วยการฝังรากฟันเทียมนั้นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด กลับกัน อาจจะทำให้คุณรู้สึกมั่นใจมากขึ้นหลังจากการฝังรากฟันเทียม การฝังรากฟันเทียม เป็นการทดแทนฟันธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพมากพอสมควร หากเทียบกับแต่ก่อนก็คือการใส่ฟันปลอมนั่นเอง แต่การผ่าตัดด้วยการฝังรากฟันเทียมนั้น เป็นการทดแทนฟันรูปแบบใหม่ ที่มีความสะดวกสบายมากกว่าใส่ฟันปลอม สามารถทำความสะอาดได้ง่าย เพราะทางทันตแพทย์ได้ทำการฝังรากฟันเทียมลงไปบนกระดูกขากรรไกร จึงทำให้รู้สึกเป็นธรรมชาติมากกว่าการใส่ฟันปลอมนั่นเอง


นอกจากนี้ยังสามารถทำความสะอาดได้ง่าย เพียงแค่แปรงฟันหลังจากรับประทานอาหารและก่อนเข้านอน ซึ่งไม่ต้องถอดเครื่องมือออกมาทำความสะอาดนั่นเอง จึงทำให้เรารู้สึกเป็นธรรมชาติเหมือนเป็นฟันจริงๆ ทั้งนี้หากคุณต้องการเข้ารับบริการการรักษาด้วยการผ่าตัดรากฟันเทียม สามารถเข้ามาปรึกษาทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เกี่ยวกับรากฟันเทียมมาอย่างยาวนาน เรามีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการรักษา มีสถานที่ที่สะอาดปลอดภัย ได้มาตรฐาน จึงมั่นใจได้ว่า หากเข้ามารับการบริการหรือปรึกษาปัญหาฟัน คุณจะได้รับความประทับใจไปอย่างแน่นอน



จัดฟันบางนา: ควรทำอย่างไร เมื่อรากฟันเทียมหลุด ? อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/category/จัดฟันบางนา/

202
“จะทำอย่างไรให้บ้านไม่ร้อน…เมื่อโลกร้อนขึ้นทุกวัน” หนึ่งในคำถามที่นักออกแบบ และเจ้าของบ้าน พยายามหาวิธีร่วมกันเพื่อให้บ้านอยู่แล้วเย็นสบายในสภาวะอากาศปัจจุบัน เพราะบ้านร้อนเกิดจากความร้อนภายนอกที่เข้าสู่บ้านได้หลายช่องทางจนเกิดเป็นความร้อนสะสม ดังนั้น หากต้องการอยู่บ้านเย็นสบายแบบพึ่งเครื่องปรับอากาศให้น้อยที่สุด จึงจำเป็นต้องเลือกใช้วัสดุที่ช่วยป้องกันความร้อน วันนี้มีเคล็ดไม่ลับ ผ่าน 5 เทคนิคที่จะช่วยให้บ้านลืมความร้อนจากยิปซัมตราช้าง มาแนะนำกัน


1. เทคนิคสะท้อนความร้อน

เมื่อพระอาทิตย์สะท้อนผ่านมาทางด้านบน หลังคา ฝ้า เพดานจึงเป็นปราการด่านแรกที่ต้องเจอกับแสงแดด และความร้อน ดังนั้นวิธีการลดความร้อนจึงทำได้ตั้งแต่ การติดสปริงเกอร์พรมน้ำบนหลังคา หรือการติดตั้งแผ่นสะท้อนความร้อนใต้แผ่นหลังคา ก็สามารถช่วยลดอุณหภูมิจากแสงแดดที่มาปะทะโดยตรง และความร้อนที่ทะลุสู่ตัวโถงหลังคาก็จะน้อยลง หรือเลือกใช้ แผ่นฮีทบล็อค ตราช้าง กันร้อน ที่สามารถป้องกันความร้อน โดยมีการบุแผ่นสะท้อนรังสีความร้อนหรืออลูมิเนียมฟอยด์ด้านหลังแผ่น ทำให้สามารถสะท้อนรังสีความร้อนได้ถึง 89% ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน JIS R 3106 ช่วยลดความร้อนบริเวณฝ้าเพดานใต้หลังคา ห้องใต้ชั้นดาดฟ้า รวมถึงผนังด้านที่โดนแดดโดยตรงได้เป็นอย่างดี แนะนำให้เลือกใช้ขนาด 9 มม.สำหรับฝ้าเพดาน หากต้องการนำมาใช้สำหรับผนังกั้นภายใน เลือกขนาด 12 มม.



2. เทคนิคกักเก็บความเย็น

เมื่อข้างนอกบ้านร้อน เราก็ต้องหาวิธีกักเก็บความเย็นในบ้านเอาไว้ให้นานที่สุด ตัวเลือกที่คนนิยมใช้ คือการติดฉนวนกันความร้อน ที่นอกจากจะสร้างเกราะป้องกันความร้อนจากแสงอาทิตย์ภายนอกแล้ว ยังช่วยทำให้พื้นที่ภายในบ้านเย็นสบายและน่าอยู่ขึ้น นอกจากฉนวนกันความร้อนแล้วสามารถเลือกใช้แผ่นยิปซัมมาตรฐาน ตราช้างสำหรับฝ้าเพดาน และงานผนัง ทำให้ห้องเย็นสบาย และไม่ลามไฟ ผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ และสวยงาม น้ำหนักเบา แต่แข็งแกร่งทั่วแผ่น ไม่แอ่นตัว ทนทานใช้งานได้นาน



3. เทคนิคระบายอากาศ

การระบายอากาศภายในบ้านทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้พัดลมเพดานช่วยระบายอากาศ ช่วยคลายร้อน การปรับขนาดหน้าต่างให้เหมาะสม ควรเลือกหน้าต่างที่มีความสูง 1 เมตรขึ้นไป หรือแม้แต่การเลือกฝ้าชายคาระบายอากาศ ควรเลือกฝ้าที่มีรูหรือช่องระบายอากาศผ่านเข้าออกได้ เพื่อรับลมเย็นและระบายความร้อนที่สะสมใต้โถงหลังคา อย่างเช่นแผ่นเวเทอร์บล็อค ตราช้าง ฝ้าภายนอก รุ่นระบายอากาศ ทนน้ำ ไร้รอยฉาบ ปราศจากคราบรา



4. เทคนิคป้องกัน บังแดด

การติดฟิลม์กระจกกันความร้อน สามารถช่วยลดปริมาณแสงแดด กันความร้อนไม่ให้เข้ามาในห้อง ทำให้ห้องเย็นลง โดยเลือกติดฟิล์มเฉพาะห้องที่โดนแดดโดยตรงก่อน หรือการเลือกใช้กระจกที่ย้อมสีชาก็สามารถช่วยลดแสงจ้า รวมทั้งกันรังสียูวีได้ด้วย นอกจากนี้ ยังเพิ่มตัวช่วยในการบังแดดด้วยการติดม่านกันยูวี ซึ่งจะทึบแสงกว่าม่านทั่วไป เคลือบผิวด้วยวัสดุสะท้อนความร้อนและยูวี ทำให้ความร้อนจากแสงอาทิตย์ภายนอกเข้ามาในห้องได้น้อยลง ส่งผลให้ห้องของเราเย็นขึ้น หรือจะเปลี่ยนเป็นม่านม้วน ม่านพับ และบานพับ ก็จะช่วยสะท้อนแสงได้ดีเช่นกัน ตลอดจนการเปลี่ยนสีผ้าม่านเป็นโทนอ่อน หรือติดตั้งม่านโปร่งแสงเสริมเข้าไป



5. เทคนิคเพิ่มความร่มรื่น

เทคนิคนี้สามารถเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนมาใช้วัสดุที่ไม่เก็บความร้อน ตั้งแต่พื้นของบ้าน โดยเลือกใช้กระเบื้อง หินอ่อน หินแกรนิต หรือพื้นปูนเปลือยแบบสไตล์ลอฟท์ ก็ช่วยกักเก็บความเย็นจากพื้นได้ อีกทั้งยังเป็นวัสดุที่คลายความร้อนได้เร็วอีกด้วย ทั้งนี้ยังสามารถเพิ่มความร่มรื่นด้วยการปลูกต้นไม้ไว้ในบ้าน หรือรอบๆบ้านก็เหมือนม่านจากธรรมชาติที่ช่วยดูดซับแสงแดด และปล่อยการระเหยน้ำออกมา ช่วยให้บ้านเย็นสบายขึ้นด้วย

เมื่อ "บ้านเย็น" คนในบ้านก็อยู่สบาย และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย ดังนั้น การเลือกใช้วัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้านที่สามารถช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้านก็สามารถเอาชนะความร้อนได้ อย่างไรก็ตาม อย่าลืมเลือกวัสดุที่ช่วยลดโลกร้อนที่มีฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ หรือมีฉลากประหยัดพลังงาน เพื่อเป็นการช่วยแก้ปัญหาบ้านร้อนได้อย่างยั่งยืน



โครงการบ้านโคราช: เทคนิคที่จะช่วยให้บ้านลืมความร้อน  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://homes-realestate.com/

203
โรคกระเพาะอาหารเป็นโรคสำคัญ และพบได้บ่อยโดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานซึ่งต้องเร่งรีบกับเวลา ทำให้รับประทานอาหารไม่ตรงต่อเวลาส่งผลให้สุขภาพแย่ลงและปัญหาทางสุขภาพที่พบได้บ่อยคือการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร โรคกระเพาะถ้าได้รับการรักษาและดูแลตนเองให้ถูกต้องส่วนใหญ่เป็นแล้วก็จะหาย ดังนั้นผู้ป่วยควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานด้วยวิธีดังต่อไปนี้

1. ถั่วลิสง วิตามินอีในถั่วลิสงช่วยลดการหลั่งน้ำย่อยของกระเพาะอาหาร เป็นการลดภาระของกระเพาะ

ถั่วลิสงมีสารอาหารดังต่อไปนี้ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามินกลุ่มบี วิตามินอี โพแทสเซียมแคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก สังกะสี

ถั่วลิสง มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ บรรเทาอาการท้องเสีย

2. กะหล่ำปลี กะหล่ำปลีมีวิตามินยูและวิตามินเค ช่วยบำรุงและซ่อมแซมเยื่อบุของกระเพาะอาหารช่วยป้องกันและบรรเทาอาการของโรคกระเพาะทุกประเภท

กะหล่ำปลีมีสารอาหารดังต่อไปนี้ คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินซี วิตามินเค วิตามินยู โพแทสเซียม แคลเซียม

กะหล่ำปลี มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ ป้องกันมะเร็งลำไส้

3. กวางตุ้งฮ่องเต้ แคลเซียมในกวางตุ้งฮ่องเต้ช่วยสร้างอุจจาระ ช่วยชดเชยแคลเซียมที่สูญเสียไปขณะท้องเสีย ช่วยบรรเทาอาการท้องเสียเรื้อรัง

กวางตุ้งฮ่องเต้ มีสารอาหารได้แก่ เส้นใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินซี โพแทสเซียม แคลเซียม ธาตุเหล็ก

กวางตุ้งฮ่องเต้ มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ ช่วยให้แผลในกระเพาะอาหารหายเร็วขึ้น

4. หัวไช้เท้า หัวไช้เท้าอุดมไปด้วยเอนไซม์ย่อยอาหาร ช่วยย่อยอาหารช่วยบรรเทาอาการปั่นป่วนของกระเพาะและลำไส้ที่เกิดจากกินมากเกินไป

หัวไช้เท้า มีสารอาหารดังต่อไปนี้ เส้นใยอาหาร วิตามินซี โพแทสเซียม แคลเซียม

หัวไชเท้า มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ ชดเชยโพแทสเซียมที่สูญเสียไป ขณะท้องเสีย ลดแก๊สในกระเพาะอาหาร

5. ฮ่วยซัว มิวโคโปรตีนในฮ่วยซัวช่วยปกป้องเยื่อเมือกและ ผนังกระเพาะอาหาร

ฮ่วยซัวมีสารอาหารดังต่อไปนี้ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินกลุ่มบี วิตามินเค โพแทสเซียม

ฮ่วยซัว มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ บำรุงกระเพาะอาหารและลำไส้ทำให้มีเรี่ยวแรงจากอาการท้องเสีย

6. หอมหัวใหญ่ สาเมอร์แคปแทน(mercaptan) ที่อยู่ในหอมหัวใหญ่จะช่วยบำรุงรักษา เยื่อบุกระเพาะอาหาร ปรับสภาพของกระเพาะอาหารมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคกระเพาะ

หอมหัวใหญ่มีสารอาหารดังต่อไปนี้ คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินกลุ่มบี โพแทสเซียม แคลเซียม ซีลีเนียม การประกอบซัลเฟอร์ สารฟลาโวนอยด์

หอมหัวใหญ่ มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ ชดเชยแคลเซียมที่สูญเสียไปในขณะท้องเสีย

7. ว่านหางจระเข้ ของเหลวในว่านหางจระเข้จะห่อหุ้มเยื่อบุกระเพาะอาหารที่เป็นแผลเอาไว้ บรรเทาอาการของโรคกระเพาะอาหาร

ว่านหางจระเข้มีสารอาหารดังต่อไปนี้ เส้นใยอาหาร วิตามินเอ กรดนิโคทินิก (วิตามินบี3) โพแทสเซียมแคลเซียม ธาตุเหล็ก

ว่านหางจระเข้ มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ ว่านหางจระเข้ในวุ้นใส ออกฤทธิ์ช่วยลดอาการอักเสบช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร และมีสารกลุ่มแอนทราควิโนนออกฤทธิ์เพิ่มการบีบตัวของลำไส้ลดอาการท้องผูกได้มีฤทธิ์ในการสมานแผลรักษาอาการผิวหนังอักเสบที่เกิดจากการฉายรังสี

8. มะม่วงวิตามินเอในมะม่วงช่วยรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร

มะม่วงมีสารอาหารดังต่อไปนี้ คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินบี6 วิตามินซี โฟเลต กรดนิโคทินิก (วิตามินบี 3) โพแทสเซียม

มะม่วงมีประโยชน์ต่อร่างกายคือ รักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร

9. ถั่วลิสง อาการท้องเสียมักทำให้ปริมาณโพแทสเซียมในร่างกายไม่เพียงพอ แก้ได้โดยการกินถั่วลิสงที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียม เพื่อรักษาสมดุลของอิเล็กโทรไลต์ในร่างกาย

ถั่วลิสงมีสารอาหารดังต่อไปนี้ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินกลุ่มบี โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก

ถั่วลิสงมีประโยชน์ต่อร่างกายคือ ชดเชยแคลเซียมที่สูญไปขณะท้องเสีย

10. ปลาทูน่า ปลาทูน่าอุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร มีประโยชน์ต่อผู้ที่เป็นโรคแผลในกระเพาะอาหาร

ปลาทูน่ามีสารอาหารดังต่อไปนี้ โปรตีน กรดไขมันโอเมกา3 วิตามินกลุ่มบี วิตามินอี โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก ซีลีเนียม

ปลาทูน่ามีประโยชน์ต่อร่างกายคือ ชดเชย โพแทสเซียมที่สูญเสียไปขณะท้องเสีย

อาหาร คือสิ่งสำคัญควรเอาใจใส่ในเรื่องการเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยเฉพาะอาหาร 10 ชนิดที่กล่าวข้างต้น และรับประทานอาหารให้ตรงต่อเวลา หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ของมันของทอด หลีกเลี่ยงการเข้านอนหลังรับประทานอาหารเสร็จใหม่ๆ การงดดื่มแอลกอฮอล์ การงดสูบบุหรี่ และหมั่นการออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมน้ำหนักทั้งหมดนี้คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อเป็นการรักษาสำคัญที่ทำให้โอกาสหายขาดจากโรคกระเพาะอาหารได้ ด้วยความปรารถนาดี


อาหารเพื่อสุขภาพ ที่เหมาะสำหรับคนเป็นโรคกระเพาะ  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://thetastefood.com/

204
การจัดปาร์ตี้สำหรับชวนเพื่อนมาเข้าร่วมฉลองงานเลี้ยงสังสรรค์ โดยมากแล้วย่อมมีวัตถุประสงค์ในการเอนเตอร์เทนผู้มาร่วมงานและสนุกสุดเหวี่ยงไปด้วยกัน เพื่อให้เกิดความทรงจำดีๆ ร่วมกับระหว่างเจ้าภาพผู้จัดงานกับผู้มาร่วมงานที่เป็นเพื่อนฝูงและคนสนิท ดังนั้น เวลาที่จะต้องตกแต่งสถานที่จัดเลี้ยง เจ้าภาพในแต่ละงานก็มักจะคิดไอเดียการจัดสถานที่จัดเลี้ยงในแบบของตัวเอง เพื่อให้ออกมาดูเก๋ ดูปังกว่างานอื่นๆ ที่เคยมีมาเสมอ จนบางครั้งก็อาจจะเกิดอาการตันๆ และคิดไม่ออกว่าควรจะจัดงานแบบไหนดีเพื่อให้ถูกใจเพื่อนๆ

ไอเดียการจัดแต่งสถานที่จัดเลี้ยง เพื่อให้งานเลี้ยงสังสรรค์เป็นที่น่าจดจำและยอดเยี่ยมที่สุด!

1. ไอเดียเหล่านี้อาจไม่ใช่ไอเดียที่ดีที่สุด แต่อาจเป็นไอเดียที่ช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของคุณ เพื่อให้คุณได้รังสรรค์สถานที่จัดเลี้ยงของคุณให้ออกมายอดเยี่ยมที่สุดในแบบของคุณก็เป็นได้

2. แต่งเติมสถานที่จัดเลี้ยงด้วยโทนสีต่างๆ ให้เข้าธีม

การใช้โทนสีในการเติมแต่งสถานที่จัดเลี้ยง อาจฟังดูเป็นไอเดียที่มักง่ายและไม่มีอะไรใหม่ แต่หากคุณสามารถจับคู่ของชุดสีให้ออกมาดูเข้ากันกับคอนเซ็ปต์ของงานเลี้ยงของคุณเองได้ การใช้โทนสีที่ดูเหมือนไม่มีอะไรใหม่นี่ล่ะ ที่จะทำให้งานเลี้ยงของคุณดูโดดเด่นเกินใคร และถ้าจะให้ดียิ่งขึ้น ผู้มาร่วมงานก็ควรที่จะสวมใส่คอสตูมหรือชุดที่เข้ากับโทนสีของงานด้วย

3. เติมบรรยากาศให้ดูหวานขึ้นด้วยดอกไม้แบบต่างๆ

นี่อาจจะเป็นไอเดียที่ถูกใจสาวๆ มากที่สุด กับการจัดสถานที่จัดเลี้ยงด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ โดยปกติแล้วเราอาจได้เห็นการจัดแต่งงานเลี้ยงด้วยดอกไม้กับงานแต่งงานเสียมากกว่า แต่หากลองจัดแต่งสถานที่จัดเลี้ยงเพื่อสังสรรค์กับเพื่อนๆ ด้วยดอกไม้ ก็อาจจะได้ปาร์ตี้สำหรับนั่งคุยกับชิลๆ เพื่อดื่มชาและกินขนมแบบสาวๆ หรือจะประยุกต์ใช้ในแบบที่คุณต้องการก็แล้วแต่ ทำให้นี่ก็นับเป็นไอเดียที่ดีอีกแบบหนึ่งเช่นกัน

4. สร้างความทรงจำด้วยการออกแบบสุดแฟนตาซี

สร้างสรรสถานที่จัดเลี้ยงให้ทั้งลึกลับและท้าทาย ด้วยการออกแบบในธีมแฟนตาซีหลุดโลก นอกจากจะทำให้ผู้ร่วมงานรู้สึกสนุกและตื่นเต้นแล้ว ยังอาจได้มีความทรงจำที่ดีภายในชั่วข้ามคืน การตกแต่งด้วยธีมนี้ อาจจะอาศัยพร๊อบต่างๆ เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้เล่นสนุกหรือถ่ายภาพ จะยิ่งช่วยทำให้งานดูมีสีสันมากขึ้นไปอีก อย่าลืมลองสำรวจตัวเองว่าชอบความแฟนตาซีในรูปแบบไหน แล้วนำมาเป็นไอเดียในการตกแต่งสถานที่จัดเลี้ยงกันดูได้เลย

5. เพิ่มความสดใสให้กับสถานที่จัดเลี้ยงด้วยลูกโป่งหลากสี

ไม่ว่าจะเป็นปาร์ตี้แบบไหนๆ สถานที่จัดเลี้ยงสำหรับปาร์ตี้มักจะมีลูกโป่งเป็นส่วนประกอบอยู่เสมอๆ จนทำให้ไอเดียสำหรับการใช้ลูกโป่งตกแต่งสถานที่จัดเลี้ยงไม่เคยเก่า แต่มันกลับกลายเป็นไอเดียที่คลาสสิคที่ไม่ว่าใครก็จะต้องหลงใหล การใช้ลูกโป่งนอกจากจะช่วยทำให้รู้สึกว่างานเลี้ยงมีบรรยากาศที่สดใสแล้ว ยังช่วยแต่งเติมสีสันให้กับงานเลี้ยงต่างๆ ได้อย่างไม่ยากเลย

6. แต่งสถานที่จัดเลี้ยงให้น่าสนใจด้วยธีมเทศกาล

การจัดงานเลี้ยง นอกจากจะจัดเพราะมีโอกาสเหมาะๆ ที่อยากจะจัดแล้ว เทศกาลในแต่ละปียังเป็นอีกหนึ่งเหตุผลหลักที่ทำให้ผู้คนยังออกมาจัดงานเลี้ยงสังสรรค์กันอยู่เรื่อยๆ อีกด้วย ซึ่งหากคุณไม่รู้ว่าควรจะตกแต่งสถานที่จัดเลี้ยงยังไง การใช้เทศกาลแต่ละเทศกาลมาเป็นธีมหลักในการจัดเลี้ยงก็ดูจะสมเหตุสมผล เพราะมันเป็นไอเดียที่ผู้มาร่วมงานจะชื่นชอบได้ไม่ยาก เนื่องจากผู้มาร่วมงานต่างก็หวังที่จะเจอกับสิ่งที่เข้ากับเทศกาลอยู่แล้วนั่นเอง

การจัดแต่งสถานที่จัดเลี้ยง สำหรับงานสังสรรค์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://thetastefood.com/

205
ไลโอ เพชรเกษม-อ้อมน้อย (Lio Petchkasem - Omnoi)
ราคา : เริ่มต้น 1,890,000 บาท (ณ. วันเปิดตัว)

จุดเด่น
เตรียมพบทาวน์โฮมโครงการใหม่ ตรงข้าม Big C อ้อมใหญ่ ทาวน์โฮมดีไซน์ใหม่ French Colonial Style ภายใต้แบรนด์ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ การออกแบบทาวน์โฮมด้วยสไตล์ฝรั่งเศส โดยมีฟังก์ชั่นที่สามารถตอบรับวิถีชีวิตใหม่ ด้วยพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ โดดเด่นด้วยฟังก์ชันที่ลงตัว และสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน 23 -24 ธ.ค. นี้ เปิดชมบ้านตัวอย่าง รอบ VIP ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ : https://bit.ly/489MXCN

รายละเอียดโครงการ
ชื่อโครงการ : ไลโอ เพชรเกษม-อ้อมน้อย (Lio Petchkasem - Omnoi)
ดูบ้านราคาใกล้เคียง  ดู ลลิลพร็อพเพอร์ตี้ ทุกโครงการ 
เจ้าของโครงการ : ลลิลพร็อพเพอร์ตี้
แบรนด์ย่อย : ไลโอ
ราคา : เริ่มต้น 1,890,000 บาท (ณ. วันเปิดตัว)
 
ประเภทบ้าน : ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม (Townhouse Townhome)
ลักษณะทำเล : บ้านใกล้เมือง
พื้นที่โครงการ : 26 ไร่ 2 งาน 14.00 ตร.ว.
จำนวนบ้าน : 279 หลัง
แบบบ้านทั้งหมด : 2 แบบ
เนื้อที่บ้าน : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
พื้นที่ใช้สอย : ตั้งแต่ 105.0 ถึง 125.0 ตร.ม.
จำนวนชั้น : 2 ชั้น
หน้ากว้าง : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
จำนวนห้องนอน : ตั้งแต่ 3 ถึง 4 ห้อง
จำนวนที่จอดรถ : ตั้งแต่ 1 ถึง 2 คัน
สาธารณูปโภค : สวนสาธารณะ (การจัดสวนสไตล์โพรวองซ์ (Provence) พร้อม Solar Cell), ฟิตเนส, รปภ., CCTV, อื่นๆ (Main Gate แยกช่องทางเข้า-ออก), Keycard System, Co-working space
ขนส่งสาธารณะ : ใกล้ถนนสายหลัก (ถนนพุทธมณฑลสาย 5, ถนนเพชรเกษม)

สถานที่สำคัญใกล้เคียง :

Big C อ้อมใหญ่ 4.5 กม.
วัดอ้อมน้อย 6 กม.
ซีเจ ซูเปอร์มาร์เก็ต สาขาซอยไวไว 1.2 กม.
ร้านสะดวกซื้อ 7-11 สาขาซอยไวไว 1.2 กม.
คาเฟ่ ชะตาธรรมชาติ 0.1 กม.
โรงเรียนยอแซฟฯ 5.3 กม.
มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา 14 กม.
โรงพยาบาลวิชัยเวช 12 กม.
โรงพยาบาลมหาชัย2 6 กม.
 
โซน : นครปฐม, พุทธมณฑล, นครชัยศรี, สามพราน
ที่ตั้ง : 29 ถนนซอยเทศบาล 8 ตำบล ไร่ขิง อำเภอสามพราน นครปฐม 73210 | ดูรูปแผนที่
ปีที่สร้างเสร็จ : พ.ศ. 2566
หมายเหตุ : -
สอบถามเพิ่มเติม :
Tel. 065-528-5573-4, 1778


ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม: ไลโอ เพชรเกษม-อ้อมน้อย (Lio Petchkasem - Omnoi) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/house/townhouse-townhome/

206
มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญ เราควรจะต้องกินทุกวันเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จะเปลี่ยนไปเป็นพลังงานคุณภาพ โดยเฉพาะคนที่กำลังลดน้ำหนัก คุมอาหาร หรืออยากสร้างกล้ามเนื้อ ลองมาดูเมนูอาหารเช้าโปรตีนสูง อิ่ม อร่อย มีประโยชน์ และอยู่ท้องนาน ลดอาการหิวบ่อย
 
1. ขนมปังโฮลวีตทาเนยถั่ว + นม หรือน้ำเต้าหู้
เช้า ๆ ยังไม่ค่อยหิว ไม่อยากกินอาหารหนัก ขอแนะนำเป็นขนมปังโฮลวีตทาเนยถั่วเพิ่มโปรตีน มื้อนี้จะได้ทั้งคาร์บ ไฟเบอร์จากธัญพืชเล็กน้อย และแค่เพียง 2 ช้อนโต๊ะก็จะได้โปรตีนจากเนยถั่วประมาณ 7.68 กรัม พร้อมกันนั้นเนยถั่วยังอุดมไปด้วยกรดไขมันดี ที่ช่วยลดไขมันเลวในร่างกาย พ่วงด้วยประโยชน์อีกเพียบเลยด้วย
 
อ้อ ! สำหรับคนที่อยากให้มื้อนี้โปรตีนสูงขึ้นไปอีกควรเลือกดื่มนม หรือน้ำเต้าหู้ แต่ถ้าไม่ซีเรียสมาก จะกินคู่กับกาแฟก็ตามสะดวกเลย


2. แซนด์วิชอกไก่, ทูน่า หรือไข่ต้ม + นม หรือน้ำเต้าหู้
ถ้ามีเวลาพอจะทำอาหารเช้าง่าย ๆ หรือไปเดินซื้อของกินในตลาด ร้านสะดวกซื้อได้ ลองจับคู่แซนด์วิชอกไก่ แซนด์วิชทูน่า หรือแซนด์วิชไข่ต้ม มากินคู่กับนม น้ำเต้าหู้ หรือกาแฟสักแก้ว โดยเมนูนี้อุดมไปด้วยสารอาหารหลากหลาย ทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีนจากอกไก่ ทูน่า หรือไข่ต้ม วิตามิน แร่ธาตุจากผักในแซนด์วิช ส่วนเครื่องดื่มอย่างนมกับน้ำเต้าหู้ก็อุดมไปด้วยโปรตีนดีเช่นกัน ที่สำคัญเมนูนี้ยังทำง่าย หาซื้อก็ง่าย เหมาะกับช่วงเช้าที่เร่งรีบ
 
3. โจ๊กไข่ขาว, โจ๊กปลา + นม หรือน้ำเต้าหู้
ถ้าเน้นโปรตีนแบบจัดเต็ม แนะนำให้ลุกมาทำโจ๊กไข่ขาว ใส่เนื้อปลา หมูสับ หรืออกไก่ลงไปเพิ่มโปรตีนด้วยก็ได้ และเพื่อให้รู้สึกอิ่มมากขึ้น ก็เลือกดื่มนม น้ำเต้าหู้ หรือกาแฟตบท้ายไปด้วย แต่จะดียิ่งขึ้นไปอีกหากมีผลไม้ไว้กินล้างปาก และเพิ่มความอิ่มให้มื้อเช้าอีกสักหน่อย อย่างฝรั่ง หรือกล้วย ก็เป็นผลไม้โปรตีนสูง แคลอรีต่ำ
 
4. ไข่กระทะ + นม หรือน้ำเต้าหู้
อีกหนึ่งเมนูอาหารเช้าทำง่าย แต่เปี่ยมไปด้วยสารอาหารมากมายจากไข่ไก่ หมูสับ และเครื่องที่ใส่ในไข่กระทะ แต่ถ้าใครกลัวจะไม่อิ่ม ก็ปิ้งขนมปังโฮลวีตมากินคู่กับไข่กระทะก็ได้ จิบกาแฟ นม หรือน้ำเต้าหู้แก้ฝืดคอสักหน่อย ก็ได้มื้อเช้าที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อร่างกายแบบทริปเปิลเลยล่ะ
 
5. ไข่คน + ข้าวหรือขนมปังปิ้ง + นม หรือน้ำเต้าหู้
ไข่คนก็เป็นอาหารที่ทำง่าย อร่อย กินได้ไม่เบื่อ แถมยังราคาถูกอีกด้วย แต่ทั้งนี้เพื่อให้โปรตีนสูง แต่แคลอรีต่ำ ก็ควรเลือกเนื้อสัตว์เป็นเนื้อไม่ติดมัน ซึ่งใส่ได้ทั้งหมูสับ ไก่สับ ปลา หรือแม้แต่กุ้งก็น่าสนใจ กินคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ หรือขนมปังปิ้งหอม ๆ แค่คิดก็ฟินแล้ว
 
6. ข้าวต้มปลา
อาหารเข้าแบบไทย ๆ อย่างข้าวต้มยังเป็นที่นิยม และเดี๋ยวนี้หากินได้ง่าย ๆ ในรูปอาหารแช่แข็งที่อุ่นร้อนแป๊บเดียวก็ได้กิน สามารถซื้อมาเก็บไว้แล้วอุ่นกินได้ไม่ยาก เหมาะมากสำหรับอาหารเช้าของคนที่ต้องรีบไปเรียน ไปทำงาน และเมนูนี้ต้องบอกว่าอิ่มอยู่ท้องแบบสบาย ๆ เพราะปลาเป็นเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่าย แถมยังให้โปรตีนและกรดไขมันดีกับร่างกายด้วย
 
7. อกไก่นุ่ม + ข้าว
เดี๋ยวนี้มีอกไก่นุ่มสำเร็จรูปวางจำหน่ายอยู่หลายยี่ห้อ และซื้อได้ง่ายขึ้นด้วยนะคะ ดังนั้นเช้าวันไหนที่คิดไม่ออกว่าจะกินอะไรดี ก็หยิบอกไก่นุ่มมาอุ่น กินคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ ตบท้ายด้วยผลไม้เพิ่มไฟเบอร์ให้ร่างกายอีกนิด ก็พร้อมสำหรับการออกไปใช้ชีวิตประจำวันแล้ว
 
8. เกี๊ยวอกไก่ หรือเกี๊ยวหมู
เมนูอิ่มเบา ๆ แต่โปรตีนหนักมากอย่างเกี๊ยวอกไก่  หรือเกี๊ยวหมู ไม่ได้ดีตรงที่อร่อย โปรตีนแน่นเท่านั้น แต่ยังทำง่ายด้วยแหละ แค่ห่อแผ่นเกี๊ยวกับอกไก่หรือหมูเก็บไว้ ตอนเช้าก็เอามาต้ม ใส่ผัก ปรุงรสอีกสักนิด หรือใครจะใช้วิธีนึ่งเกี๊ยวแทนก็ได้ เป็นอีกหนึ่งเมนูอร่อยยามเช้าที่น่าจะถูกใจคนทุกวัยเลยด้วย
 
9. สุกี้ไก่น้ำ
เนื้อไก่และไข่ไก่เป็นอาหารที่ให้โปรตีนคุณภาพดี และสำหรับคนที่อยากได้เมนูเบา ๆ แคลต่ำ มีผักเยอะ มีคาร์บดีอย่างวุ้นเส้น ก็จัดสุกี้น้ำเป็นมื้อเช้าเลยก็ได้ ที่สำคัญยังเป็นอาหารที่ทำเองได้ง่าย ๆ ด้วยเนอะ อ้อ ! แต่ถ้าใครกลัวไม่อิ่ม กินไข่ต้มเป็นเครื่องเคียงอีก 1 ฟองก็ได้นะ
 
10. ต้มเลือดหมู + ข้าว
เมนูนี้เราจะได้โปรตีนจากเนื้อหมู เครื่องในหมู เลือดหมู และตำลึงในต้มเลือดหมู นอกจากนี้ต้มเลือดหมูยังเป็นเมนูแคลอรีไม่มาก 1 ชาม จะได้พลังงานประมาณ 216 กิโลแคลอรี กินกับข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวกล้องก็จะได้ประโยชน์มากขึ้น
 
11. ผัดถั่วลันเตากุ้งใส่เต้าหู้และเห็ด + ข้าว
สายผักที่ไม่อยากเน้นเนื้อสัตว์ มารับโปรตีนจากถั่วลันเตาแทนก็ได้ค่ะ โดยเราขอแนะนำเป็นเมนูผัดถั่วลันเตากุ้งใส่เต้าหู้ ที่จะได้รับโปรตีนทั้งจากถั่วลันเตา เห็ดและเต้าหู้ กินคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ ก็อิ่มอร่อยแบบสบาย ๆ เพราะเมนูนี้ย่อยง่าย แต่ถ้าอยากลดแคลอรีอีกสักนิดก็ใช้น้ำผัดแทนน้ำมัน หรือสเปรย์น้ำมันเบา ๆ ก็ได้นะคะ
 

12. เต้าหู้ทรงเครื่อง + ข้าว
เต้าหู้ทรงเครื่องเป็นอีกหรึ่งเมนูที่เหมาะจะกินเป็นมื้อเช้า เพราะเต้าหู้มีโปรตีนสูง แคลอรีต่ำ กินง่าย และอร่อย นอกจากนี้ในเต้าหู้ทรงเครื่องยังมีเครื่องทั้งเนื้อสัตว์และผักอย่างแครอต ข้าวโพดอ่อน หอมใหญ่ ซึ่งมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายทั้งนั้น ใครเบื่ออาหารเดิม ๆ จะลองกินเต้าหู้ทรงเครื่องเป็นมื้อเช้าสักวันก็ได้
 
13. เต้าหู้ตุ๋นเห็ด + ข้าว
เต้าหู้มีโปรตีนค่อนข้างสูง และถ้าเลือกกินเต้าหู้ขาวจะได้แคลเซียมเพิ่มด้วย ส่วนเห็ดก็เป็นผักที่มีโปรตีนสูงด้วยเช่นกัน ดังนั้นเมนูนี้เราจะนำเห็ดหอม และเห็ดชนิดอื่น ๆ เช่น เห็ดออรินจิ เห็ดชิเมจิ มาตุ๋นในน้ำซุปที่ใส่ขิงลงไปต้มด้วย จากนั้นนำเต้าหู้ขาวไปจี่น้ำมันให้เหลืองน่ากิน พอน้ำตุ๋นเห็ดได้ที่แล้ว ก็นำมาราดลงบนเต้าหู้ขาวที่พักไว้ แค่นี้ก็จะได้เมนูอาหารเช้าที่อุดมไปด้วยโปรตีนและสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ที่สำคัญยังย่อยง่าย เหมาะเป็นอาหารสำหรับผู้สูงวัยด้วย
 
14. ไข่พะโล้ใส่เต้าหู้ + ข้าว
เมนูยอดฮิตในร้านข้าวแกงอย่างพะโล้ก็มีโปรตีนสูงนะคะ จากไข่ไก่และเต้าหู้ที่อยู่ในพะโล้นั่นแหละ โดยหากสั่งจากร้าน จะขอแม่ค้าเพิ่มไข่ เพิ่มเต้าหู้ด้วยก็ได้ เพื่อปริมาณโปรตีนที่เพิ่มขึ้นจากปกติ และแน่นอนว่าอิ่มอร่อยแบบนี้เราจะไม่ค่อยหิวระหว่างวันง่าย ๆ ด้วย
 
15. ไก่ผัดขิง + ข้าว
นอกจากพะโล้แล้ว ไก่ผัดขิงยังเป็นเมนูที่เจอได้บ่อย ๆ ตามร้านข้าวแกงด้วยนะคะ ดังนั้นคนที่ไม่มีเวลาทำกับข้าวกินเอง ก็สามารถไปหาเมนูไก่ผัดขิงกินเป็นอาหารเช้าโปรตีนสูงได้ และขิงยังมีสรรพคุณช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เป็นสมุนไพรที่น่าสนใจ แต่ถ้าอยากได้โปรตีนเน้น ๆ กว่านี้ แนะนำให้เสริมไข่ต้มอีกสักฟอง แค่นี้ก็อิ่มอยู่ท้องแล้ว
 
16. ผัดฟักทองใส่ไข่ + ข้าว
ฟักทองเป็นผักที่มีเบต้าแคโรทีนสูง มีวิตามินเอสูง ไฟเบอร์ก็เยอะ ส่วนไข่ไก่ก็มีกรดอะมิโนจำเป็นต่อร่างกาย มีโปรตีนสูง โดยถ้าผัดเองแนะนำให้ใส่ไข่ขาวลงไปเยอะ ๆ หรือเติมเนื้อสัตว์ไม่ติดมันลงไปเพิ่มโปรตีนและรสชาติก็ได้
 

17. ฟักทองนึ่ง ไข่ต้ม น้ำพริก +ข้าว
เตรียมเมนูน้ำพริกที่ชอบไว้ 1 ถ้วย จากนั้นนำฟักทองหรือผักอื่น ๆ มานึ่ง ต้มไข่สัก 2 ฟอง เสร็จแล้วกินคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ หรือจะกินกับข้าวไรซ์เบอร์รีก็ได้ เมนูนี้จะได้โปรตีนจากไข่ ได้สารอาหารหลายอย่างจากฟักทอง และน้ำพริก ที่สำคัญคืออิ่มแบบอร่อยถูกปากคนไทยอย่างเราแน่ ๆ
 

18. สลัดปลาแซลมอนย่าง
ถ้ามีปลาแซลมอนแช่แข็งอยู่ในตู้เย็น สามารถนำเข้าหม้อทอดไร้น้ำมัน หรือจะสเปรย์น้ำมันมะกอกแล้วจี่กับกระทะก็ได้เหมือนกัน กินปลาแซลมอนที่อุดมไปด้วยโปรตีน กรดไขมันโอเมก้า 3 ไอโอดีน คู่กับผักสลัดเพิ่มไฟเบอร์ให้ร่างกาย มื้อเช้านี้ก็อิ่มอยู่ท้องแบบสบาย ๆ แต่เฮลธ์ตี้จัดเต็ม
 

19. เส้นบุกผัดเนื้อสัตว์
จะผัดกับไก่ หรือเนื้อวัว เนื้อหมูก็ได้ แต่ให้เลือกเนื้อสันในซึ่งเป็นเนื้อที่ไขมันต่ำ โปรตีนสูง และนุ่ม ไม่เหนียว โดยเส้นบุกก็เป็นใยอาหารที่แทบจะไม่ให้พลังงาน แต่กินแล้วอิ่มอยู่ท้องแบบไม่อิ่มแน่น จัดเป็นเส้นที่คนลดน้ำหนักควรกินเลยทีเดียวค่ะ
 
20. โยเกิร์ตและผองเพื่อน
โยเกิร์ตเป็นอาหารโปรตีนสูง และมีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านการย่อยอาหาร ช่วยในการขับถ่าย อีกทั้งโยเกิร์ตยังมีจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย ยิ่งถ้ากินโยเกิร์ตกับผลไม้อย่างสตรอวเบอร์รี แอปเปิล แก้วมังกร อะโวคาโด เสาวรส ก็จะได้วิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มมา หรือจะเติมโปรตีนด้วยเมล็ดถั่วชนิดต่าง ๆ เช่น อัลมอนด์ เมล็ดเจีย คีนัว ธัชพืชเหล่านี้ก็อุดมไปด้วยโปรตีนเช่นกัน



บริการด้านอาหาร: เมนูอาหารเช้าโปรตีนสูง กินง่าย อิ่มอยู่ท้องนาน  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://snss.co.th/dt_post/catering-service/

207
การเกิดฟันผุในเด็กนั้น ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมของเด็กไม่ทางตรงก็ทางอ้อม เพราะฟันของเด็ก จะต้องอยู่กับเด็กไปตลอดชีวิต การที่พ่อแม่ผู้ปกครอง ใส่ใจในเรื่องของฟันของบุตรหลานของท่านนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะเป็นการปลูกฝังให้เด็กรู้จักวิธีการดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันอย่างถูกต้อง แต่ในปัจจุบันนั้น เด็กมีการเกิดฟันผุมาก ซึ่งฟันผุก็สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ฟันน้ำนมผุ


ก็มีผลมาจากการเลี้ยงดูของครอบครัว นอกจากนี้ การเกิดปัญหาฟันน้ำนมผุในเด็ก ยังอาจเกิดได้จากโครงสร้างของฟันเด็กที่ไม่สมบูรณ์ รวมทั้งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กยุคนี้ฟันผุง่ายก็คือ การรับประทานขนมตามใจชอบ แล้วไม่ยอมแปรงฟันนั่นเอง  ประกอบกับการที่พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนมักมีความเชื่อผิดๆ ว่า เดี๋ยวฟันน้ำนมก็ต้องหลุดไป มีฟันแท้มาแทนที่ จึงไม่ได้ใส่ใจการรับประทานขนมและสุขภาพช่องปากและฟันของลูกมากนัก

จึงทำให้ฟันผุได้ง่ายนั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่า ปัญหาฟันผุในเด็ก หากไม่ได้รับการรักษาอาจจะทำให้เกิดผลกระทบต่อตัวเด็กในอนาคตได้ และถ้าเด็กเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ไม่ได้ จะต้องส่งผลต่อบุคลิกภาพของเด็กอย่างแน่นอน  ดังนั้นพ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะดูแลเอาใจใส่ ทั้งในเรื่องของการเลือกรับประทานอาหารและวิธีการทำความสะอาดช่องปากและฟันของเด็ก เพื่อให้เด็กลดความเสี่ยงของการเกิดฟันผุได้

ซึ่งในปัจจุบันต้องบอกว่าในวงการทันตกรรมของเรามีนวัตกรรมใหม่เพิ่มขึ้นมามากมายและเด็กก็สามารถเข้ารับการจัดฟันได้แล้ว ซึ่งถือว่ามีประโยชน์มากต่อตัวเด็กในระยะยาว โดยการจัดฟันในเด็กสามารถจัดฟันได้ตั้งแต่เด็กที่มีอายุ4-15 ปี หรือในวัยที่เด็กกำลังมีฟันแท้งอกขึ้นมา การจัดฟันในเด็กก็สามารถแก้ไขปัญหาฟันได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นฟันซ้อนเก ฟันห่าง ฟันล้ม หรือแม้กระทั่งเด็กที่มีการสบฟันที่ผิดปกติก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการจัดฟันในเด็ก
 
พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนอาจจะมีคำถามว่าถ้าหากเด็กมีฟันน้ำนมผุจะสามารถเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้หรือไม่ ซึ่งวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงการที่เด็กมีฟันผุและอยากจะเข้ารับการจัดฟันในเด็กว่าจะต้องมีวิธีการอย่างไร ก่อนอื่นพ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการตรวจฟันกับทันตแพทย์เพื่อทำการแก้ไขปัญหาต่างๆและจะได้ประเมินช่องปากเบื้องต้น ก่อนเข้ารับการจัดฟันในเด็ก

ซึ่งคำถามก็คือเด็กที่มีฟันน้ำนมผุ สามารถเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้หรือไม่ ข้อนี้ตอบเลยว่าสามารถเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้และเหมาะสมมากเลยทีเดียว เพราะการที่เด็กมีฟันน้ำนมผุและยิ่งถ้าหากสูญเสียฟันน้ำนมก่อนวัยอันควร การจัดฟันในเด็กจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาฟันที่อาจจะงอกขึ้นมาในลักษณะที่มีความผิดปกติได้ ซึ่งการจัดฟันในเด็กจะช่วยทำให้ฟันแท้ สามารถงอกขึ้นมาในตำแหน่งที่เหมาะสมได้ 

ช่วยลดปัญหาเกี่ยวกับฟันซ้อนเก หรือภาวะฟันแท้หายที่เกิดจากการที่ฟันน้ำนมหลุดก่อนวัยอันควร ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ต้องกังวลว่าบุตรหลานของท่านจะมีฟันน้ำนมผุจนไม่สามารถเข้ารับการจัดฟันได้ ซึ่งข้อนี้บอกเลยว่า เด็กที่มีฟันน้ำนมผุและหลุดก่อนวัยอันควรเหมาะสมมากที่จะเข้ารับการจัดฟันในเด็กเพื่อที่จะทำให้เด็กมีฟันแท้ที่งอกออกมาครบ 32 ซี่และยังช่วยแก้ไขปัญหาฟันในเรื่องต่างๆได้อีกด้วย ซึ่งก็จะทำให้เด็กมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงาม มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่เด็ก มีรอยยิ้มที่สดใส สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และยังช่วยเสริมสร้างในเรื่องของพัฒนาการของเด็กได้เป็นอย่างดี
 
 
ดังนั้น หากเด็กมีปัญหาฟันผุหรือความผิดปกติที่เกี่ยวกับรูปร่างฟัน ก็ควรพาเด็กเข้าพบทันตแพทย์จัดฟัน เพื่อให้เด็กเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็จะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมให้เด็ก มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อยได้ หากใครสนใจ พาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก หรือเข้าตรวจฟันเบื้องต้น ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เพื่อที่จะได้ให้เด็กมีสุขขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรงตั้งแต่เนิ่นๆ ลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาสุขภาพฟัน และยังช่วยทำให้เด็กได้ทีพัฒนาการที่ดีขึ้น มีรอยยิ้มที่สดใส สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข

หากฟันน้ำนมผุสามารถจัดฟันเด็กได้หรือไม่ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/การจัดฟันเด็ก/


208
ากพูดถึงเรื่องปาร์ตี้ก็ต้องมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นของคู่กันอยู่แล้ว โดยเฉพาะเหล่านักดื่มตัวยงที่จัดหนักจัดเต็มทุกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากปาร์ตี้สุดเหวี่ยงจบลง เช้าวันต่อมาย่อมมีอาการแฮงค์ ปวดหัว คลื่นไส้เป็นธรรมดา วันนี้จึงได้รวบรวม 20 วิธีแก้แฮงค์ปวดหัวง่ายๆ ช่วยให้ไปทำงานได้สบายๆ ตามไปดูกันเลย


20 วิธีแก้เมาค้างเวียนหัวง่ายๆ ที่ได้ผลจริง

1. ดื่มน้ำเปล่า
วิธีที่เรียบง่ายแต่ได้ผลจริง เนื่องจากน้ำเปล่านั้นมีประโยชน์ต่อร่างกาย สามารถควบคุมความดันโลหิต ควบคุมอุณหภูมิ ตลอดจนช่วยขับสารพิษในร่างกาย ดังนั้นหากดื่มน้ำเปล่าเพียง 1-2 แก้วก็จะช่วยขับแอลกอฮอล์ออกมาในรูปแบบของปัสสาวะ แก้แฮงค์ปวดหัว และสร้างความสดชื่นให้กับร่างกายได้


2. ดื่มน้ำขิง
เครื่องดื่มแก้แฮงค์ที่มีสรรพคุณมากมาย แม้ว่าจะมีความเผ็ดร้อน แต่เมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น ลดอาการปวดหัว ที่สำคัญคือ ดีท็อกซ์สารพิษที่ตกค้างในร่างกาย รวมถึงแอลกอฮอล์ การดื่มน้ำขิงร้อนๆ จึงเป็นวิธีแก้เมาค้างเวียนหัวที่ดีเลยทีเดียว


3. ดื่มน้ำอัดลมกลิ่นโคล่า
หากใครที่มีอาการปวดหัวหนักหลังจากปาร์ตี้ เครื่องดื่มแก้แฮงค์ที่ช่วยลดอาการปวดหัวได้เป็นอย่างดีคือ น้ำอัดลมกลิ่นโคล่า เนื่องจากในน้ำอัดลมกลิ่นโคล่าจะช่วยลดสารอะซิทัลดีไฮด์และเอทานอล ซึ่งเป็นสาเหตุของการปวดหัวได้ดี


4. ดื่มน้ำผึ้งมะนาว
นอกจากมีสรรพคุณในการแก้ปัญหาสุขภาพผิวและทางเดินอาหารแล้ว ยังเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มแก้เมาที่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีรสชาติหวาน กลิ่นหอม ดื่มง่าย และสามารถช่วยลดสารพิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกายได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ


5. กินผลไม้
อย่างที่ทราบกันดีว่าผลไม้นั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย ให้คุณค่าทางสารอาหารและวิตามินชนิดต่างๆ สูง โดยเฉพาะกล้วย ที่ช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำในร่างกายและผลไม้ตระกูลเบอร์รีที่ช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น ลดอาการคลื่นไส้ ตลอดจนแก้อาการแฮงค์ปวดหัว


6. ดื่มกาแฟดำ
กาเฟอีนเป็นสารที่มีสรรพคุณช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น ตื่นตัว ในขณะเดียวกันก็ลดอาการคลื่นไส้และขับแอลกอฮอล์ออกมาในรูปแบบของปัสสาวะ ดังนั้นหากได้ดื่มกาแฟดำแก้แฮงค์อย่างอเมริกาโน, เอสเพรสโซ หรือริสเทรตโตสักแก้ว อาการแฮงค์ก็จะบรรเทาลงตามลำดับ


7. กินไข่ต้ม
อีกหนึ่งอาหารแก้แฮงค์ยอดนิยมคือ ไข่ต้ม เนื่องจากไข่ต้ม 1 ฟองนั้นให้พลังงานสูงถึง 80 กิโลแคลอรีและให้โปรตีนสูงถึง 7 กรัม ซึ่งจะช่วยทำให้อิ่มท้อง ดูดซึมสารพิษ ตลอดจนซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่ดีอีกด้วย


8. กินไข่ลวก
หากใครที่ไม่ชอบการกินไข่ต้ม อาจจะเลือกกินเป็นไข่ลวกที่เป็นแหล่งพลังงาน วิตามิน และสารอาหารก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้อาจจะเลือกกินคู่กับกาแฟดำในตอนเช้าๆ ก็จะแก้แฮงค์ปวดหัวได้ง่ายๆ นับว่าเป็นอาหารแก้แฮงค์ที่ดีเลยทีเดียว


9. ดื่มเครื่องดื่มวิตามิน
ไม่ว่าจะเป็นวิตามินบี วิตามินซี หรือวิตามินดีก็มีประโยชน์ต่อร่างกายสร้างความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า และลดอาการปวดหัวจากอาการแฮงค์ได้ โดยในยุคปัจจุบันก็มีการขายน้ำดื่มวิตามินหลากหลายรสชาติและสามารถหาซื้อได้ง่ายอีกด้วย


10. ดื่มนมช็อกโกแลต
เนื่องจากในช็อกโกแลตอุดมไปด้วยวิตามิน สารอาหาร กาเฟอีน และสารให้ความหวานที่จะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย ช่วยทำให้ร่างกายผ่อนคลาย ตลอดจนช่วยแก้อาการเมาค้างและปวดหัวได้อย่างเร่งด่วน


11. กินยาแก้ปวด
ยาแก้ปวด ไม่ว่าจะเป็นพาราเซตามอลหรือแอสไพรินล้วนเป็นยาสามัญประจำบ้านที่มีสรรพคุณหลากหลาย สามารถช่วยลดอาการปวดหัว เมาค้างได้ เหมาะสำหรับผู้ที่อยากได้วิธีแก้แฮงค์ปวดหัวแบบเร่งด่วน เพียงกินยาแก้ปวด 1 เม็ดก็จะช่วยบรรเทาอาการได้แล้ว


12. ดื่มน้ำเกลือแร่
หลังจากที่ดื่มแอลกอฮอล์ ปาร์ตี้ และใช้ร่างกายอย่างหนักแล้ว อาจจะต้องชดเชยน้ำในร่างกายเข้าไปแทน โดยการดื่มน้ำเกลือแร่ในปริมาณที่เหมาะสมก็จะช่วยให้ร่างกายทำงานได้ปกติ และมีพลังงานในการใช้ชีวิตประจำวันแบบเต็มที่


13. ดื่มชาเขียว
เครื่องดื่มแก้วโปรดของใครหลายๆ คนที่นอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้วยังเป็นเครื่องดื่มแก้แฮงค์ที่ได้ผลดี เนื่องจากชาเขียวมีสารแคทิซีน วิตามินซี และกาเฟอีนมีส่วนช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูให้ทำงานได้อย่างเต็มที่และแก้เมาค้างเวียนหัวได้


14. ดื่มน้ำมะพร้าว
แม้ว่าผลไม้อย่างกล้วยจะมีโพแทสเซียมสูง แต่น้ำมะพร้าวนั้นมีโพแทสเซียมสูงไม่แพ้กัน นับว่าเป็นเครื่องดื่มแก้แฮงค์ที่จะช่วยเพิ่มเกลือแร่ ลดการขาดน้ำ ตลอดจนเป็นแหล่งสารอาหารหลักที่จะช่วยให้ร่างกายตื่นตัวและรู้สึกดีขึ้น


15. ดื่มน้ำใบโหระพา
วิธีแก้แฮงค์ง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอนเพียงแค่นำใบโหระพามาบดหรือขยี้ ต้มในน้ำร้อน และกรองแยกกาก ก่อนจะนำน้ำที่กรองมาดื่มก็จะช่วยลดอาการคลื่นไส้เวียนหัวได้ แต่หากใครรู้สึกว่าดื่มยากหรือไม่คุ้นชินก็อาจจะเน้นกินใบโหระพาเป็นเครื่องเคียงหรือผักในมื้อต่างๆ แทน


16. ออกกำลังกายหรือคาร์ดิโอเบาๆ
การออกกำลังกายนอกจากจะช่วยให้สุขภาพดี ยังเป็นหนึ่งในวิธีแก้แฮงค์ตอนเช้าที่ดี โดยอาจจะตื่นมาออกกำลังกายอย่างเล่นโยคะ พิลาทิส หรือคาร์ดิโอเบาๆ ตามคลิปวิดีโอใน YouTube ก็จะช่วยให้ร่างกายขับแอลกอฮอล์ออกมาในรูปแบบของเหงื่อ อีกทั้งยังแก้แฮงค์และทำให้ร่างตื่นตัวได้ด้วย


17. กินอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต
หลังจากการดื่มแอลกอฮอล์และปาร์ตี้อย่างหนักแล้ว อาจจะเกิดอาการท้องว่างและหิวได้ ดังนั้น การกินอาหารแก้แฮงค์ตอนเช้า จำพวกคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว, ขนมปัง, ซีเรียล ก็จะช่วยทำให้อิ่มท้อง เพิ่มน้ำตาลในเลือด และแก้อาการเมาค้างได้


18. ยาลดกรด
เนื่องจากยาลดกรดจะทำหน้าที่ส่งออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย ฟื้นฟูเซลล์ที่ถูกทำลาย ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าและรู้สึกดีขึ้น ทั้งนี้ยาลดกรดสามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป นับว่าเป็นวิธีแก้เมาที่เร่งด่วนและสะดวกสุดๆ


19. กินซุปหรือข้าวต้มร้อนๆ
ซุปหรือข้าวต้มร้อนๆ ในเช้าวันรุ่งขึ้น ถือว่าเป็นอาหารแก้แฮงค์ที่ได้ผลดีสุดๆ เพราะนอกจากร่างกายจะอิ่มท้อง มีพลังงานแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายสดชื่น ตื่นตัว พร้อมสำหรับการไปทำงานหรือทำกิจกรรมต่างๆ แล้ว


20. นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเป็นเรื่องสำคัญ แต่หากดื่มแอลกอฮอล์หรือมีปาร์ตี้ ก็ควรแบ่งเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ นอนให้อย่างน้อย 8 ชั่วโมงหรือถ้ามีเวลาน้อยก็อาจจะใช้เวลาช่วงพักหรือช่วงที่ว่างงานพักงีบ เพียงเท่านี้ร่างกายก็จะฟื้นฟู ลดอาการปวดหัว และเมาค้างได้


สำหรับสายปาร์ตี้คนไหนที่มีดื่มหนักและมีอาการแฮงค์บ่อยๆ ลองนำ 20 วิธีแก้แฮงค์ง่ายๆ โดยอาจจะเลือกดื่มเครื่องดื่มแก้แฮงค์ กินอาหารแก้แฮงค์ หรือวิธีออกกำลังกายเบาๆ ไปปรับใช้ได้ตามสะดวก แต่อย่าลืมว่าผลลัพธ์จากวิธีแก้เมาค้างเวียนหัวนั้นขึ้นอยู่กับพื้นฐานสุขภาพร่างกายของแต่ละคนด้วยเช่นกัน

วิธีแก้แฮงค์ง่ายๆ ปาร์ตี้หนักแค่ไหนก็พร้อมลุยงานต่อ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/products/

209
บีวายดี BYD E6 EV ปี 2023
BYD E6  ขนาด 5 ที่นั่ง มาพร้อมระยะทาง 520 กิโลเมตร มีพื้นที่บรรจุสัมภาระกว่า 450 กิโลกรัม พร้อมจำหน่ายแล้วที่โชว์รูม BYD ครอบคลุมมากกว่า 70 สาขาทั่วประเทศ มาพร้อมวัตกรรมใหม่ของเทคโนโลยี Blade Battery เอกสิทธิ์เฉพาะของ BYD ที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมด้วยรูปทรงเซลล์แบตเตอรี่ลักษณะคล้ายใบมีดวางเรียงกัน ที่มอบปลอดภัยสูงสุดแม้ได้รับความเสียหายรุนแรง ขึ้นแท่นเป็นแบตเตอรี่ปลอดภัยที่สุดในตลาด


สำหรับ BYD E6 พร้อมเปิดจองแล้วที่โชว์รูม BYD ทั่วประเทศ ในราคา 1,135,900 บาท (หลังหักส่วนลดมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ) โดยสามารถจองได้ตั้งแต่วันนี้ - 30 มิถุนายน 2566 และรถยนต์จะส่งมอบภายในเดือน มิถุนายน 2566 นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับแพคเกจ RÊVER Care รวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท ได้แก่

ฟรี! ประกันชั้น 1 ระยะเวลา1 ปี*
ฟรี! บริการบำรุงรักษา ค่าแรง ค่าอะไหล่ 3 ปี หรือ 100,000 กม.*
ฟรี! โฮมชาร์จเจอร์พร้อมติดตั้ง(ตามเงื่อนไขที่กำหนด)*
ฟรี! สายชาร์จเคลื่อนที่ AC Portable Charger
ฟรี! ค่าจดทะเบียน*
ฟรี! พรม ผ้ายาง กรอบป้ายทะเบียน ฟิล์มหน้าจอ
พิเศษ! ดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน
พิเศษ! รับประกันตัวรถ (Warranty) 6 ปี หรือ 150,000 กม.
พิเศษ! รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กม.
*ภายใต้เงื่อนไขของบริษัทฯ

รายละเอียดเบื้องต้น
   
แบรนด์              BYD
รุ่น                     บีวายดี BYD E6 EV ปี 2023
ประเภทรถ        Electric - EV, รถอเนกประสงค์ MPV
ปีที่เปิดตัว        2023
ราคา                1,135,900 บาท


ดีไซน์

ภายนอก 
               
ล้ออัลลอย (17 นิ้ว)
ไฟ Daytime Running Lights (LED)
ขนาดยางหน้า-หลัง (215/55R17)
ไฟหน้าฮาโลเจน
ปัดน้ำฝนกระจกหลัง
ระบบควบคุมระยะการจอด (เซ็นเซอร์ หลัง 4 จุด)
ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์
   

ภายใน

พวงมาลัยปรับสูง-ต่ำได้ (เข้า-ออก)
ภายในโทนสีดำ
พวงมาลัยหุ้มหนัง


สเปค
   
มอเตอร์ไฟฟ้า                         ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 95 แรงม้า 180 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า แบตเตอรี่ Blade Battery (LFP) ขนาด 71.7 kWh วิ่งไกล 500 km. (มาตรฐาน NEDC)
กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)        95 แรงม้า
ระบบเกียร์                              เกียร์อัตโนมัติ
รูปแบบเกียร์
ระบบเบรค ABS                      มี
ชนิดแบตเตอรี่                       ไฟฟ้า
ความจุแบตเตอรี่
ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง  520 กม. ตามมาตรฐาน WLTC
น้ำหนักตัวรถ
ประเภทยางรถยนต์   
ขนาดล้อ (นิ้ว)                         ล้ออัลลอย (17 นิ้ว)
ระบบขับเคลื่อน                      ขับเคลื่อนล้อหน้า

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย   
กล้อง
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ
เข็มขัดนิรภัย
กุญแจรีโมท
สัญญาณกันขโมย
ดิสก์เบรก 4 ล้อ
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ
เบรกมือไฟฟ้า


รถยนต์ไฟฟ้า 2025: บีวายดี BYD E6 EV ปี 2023 อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/car/?fuel_type=4078&quicksearch_order=306,DESC-326,ASC

210
เคยมีเพื่อนๆถามมาว่าจะใช้บริการ รถหกล้อรับจ้างจังหวัดชลบุรี เจ้าไหนที่เขาให้บริการรับจ้างขนของได้ดีจริงและราคาถูก ซึ่งในตอนนั้นเราก็มองใช้บริการเจ้าไหนก็คงไม่ต่างกันมาก คงไม่น่ามีปัญหาอะไร เลยแนะนำเพื่อนคนหนึ่งไป โดยให้เบอร์โทรโดยดูจากป้ายที่ติดตามเสาไฟฟ้า ว่า ให้บริการ รถรับจ้าง ทั้ง รถกระบะรับจ้าง รถหกล้อรับจ้าง รถ10ล้อรับจ้างในเขตจังหวัดชลบุรี ซึ่งเราก็มองว่าน่าจะโอเคร หลังจากที่ให้เบอร์ติดต่อไปนั้น เพื่อนก้ได้ลองใช้บริการดู ปรากฏว่า เพื่อนได้โทรกลับมาถามว่า

เพื่อน : " ไปได้เบอร์โทรเจ้านี้มาจากไหน"
เรา    : " ได้เบอร์มาจากป้ายที่ติดไว้ที่เสาไฟ เห็นป้ายแขวนไว้ทุกที่เลยในชลบุรี เลยจดมาให้ ทำไมหรอ"
เพื่อน : " บริการ....ซึ่งต้องบอกเลยว่าโดนเพื่อนต่อว่ามา นึกว่าเป็นผู้ให้บริการที่เราเคยใช้ ก็เลยไว้ใจ แต่สุดท้ายไม่ไหวเลย เราก้ได้ขอโทษเพื่อนไปเยอะพอสมควร ทำให้เรานึกได้ว่า การที่เราจะแชร์ข้อมูลอะไรออกไป ต้องการศึกษาให้ดีพอสมควร ไม่เช่นนั้นจะทำให้เสียความรู้สึกที่ดีต่อกัน
         

หลังจากวันนั้นไม่กล้าที่จะให้ข้อมูลและติดต่อผู้ให้บริการรถเช่าให้กับเพื่อนอีกเลย หลังจากนั้นมาเจอกับตัวเอง ซึ่งช่วงนั้นต้องทำการ ย้ายบ้านในชลบุรี เราไม่กล้าที่จะไปหาเบอร์มั่วๆอีกแล้ว จึงได้ทำการค้นหาผู้ให้บริการที่ดูมีความน่าเชื่อถือ ในอินเตอร์เน็ต ดูการรีวิวการบริการ ดูการตอบคอมเม้นท์จากลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการหลายๆคน ปรากฎว่า มีผู้ให้บริการอยู่หลายรายด้วยกันที่ ดูแล้วน่าจะเป็นที่โอเคมาก ดูจาก

1. ความน่าเชื่อถือ ดูมีเว็บไซด์ เป็นของตัวเอง

2. มีรถขนของในชลบุรี ที่มากมายหลายขนาด เช่น มี รถกระบะรับจ้างชลบุรี  รถหกล้อรับจ้างชลบุรี  รถ4้อใหญ่รับจ้างชลบุรี  รถสิบล้อรับจ้างชลบุรี รถเฮี๊ยบรับจ้างชลบุรี รถพ่วงรับจ้างชลบุรี เป็นต้น
3. มีรูปรถขนของ และสภาพรถรับจ้างขนของ ที่ใหม่และสะอาดทุกคัน
4. มียอดคนติดตามทั้งเว็บไซด์และเฟสบุ๊ค เป็นจำนวนมาก และมีการรีวิวชื่นชมงานบริการ และกดไลท์ จำนวนมาก
5. มีพนักงานยกสินค้าบริการยกของฟรี ให้ทุกงานทำให้คนที่ขาดพนักงานยกมีความสบายใจในการจ้างขนย้าย
6. มีความถนัดงานบริการ รับจ้างขนของ หลายประเภท เช่น งานย้ายบ้าน ย้ายหอ ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ ขนส่งสินค้าทั่วไป
7. ราคาถูก คุ้มค่า

ซึ่งต้องบอกว่าตอนนั้นก็โทรปรึกษางานบริการ รถรับจ้างขนของชลบุรี ในทุกเจ้าเลย เพราะไม่อยากจะเจอผู้ให้บริการที่ไม่โอเคเหมือนเพื่อน และต้องบอกว่า ในทุกคอมเม้นในอินเตอร์เน็ต ใน pantip แจ้งมาว่า ผู้ให้บริการทั้ง 7 รายนี้ เข้าใส่ใจและให้บริการดีจริงๆ พอเราติดต่อสอบถามไป ก็เป็นอย่างที่เขาคอมเม้นท์จริงๆ คือ ทุกรายเขาพูดจาสุภาพ บริการดี เอาใจใส่ในการค้นหาข้อมูลให้ และตอบคำถามได้ตรงกับที่เราต้องการ จึงทำให้เราต้องคิดหนักเลยว่าจะใช้บริการเจ้าไหนดี บางทีก็อยากใช้บริการเจ้าที่เรา search ข้อมูลเจ้าที่ติดอันดับ 1-3 นะ เพราะดุเขามีความน่าเชื่อถือมาก แต่ ทั้ง 7 รายนี้ ติดอันดับในหน้าแรกทั้งหมด ในคำที่เรา search คำว่า " รถรับจ้างชลบุรี รถรับจ้างขนของชลบุรี รถกระบะรับจ้างจังหวัดชลบุรี รถหกล้อรับจ้างชลบุรี " เป็นต้น ไม่ว่าจะค้นหาคำไหน ก็จะมีผุ้ให้บริการทั้ง 7 รายนี้ ติดอันดับและมีคอมเม้นการบริการดีและมีคุณภาพมาโดยตลอด จึงพอจะสรุปได้ว่า ใช้บริการที่นี่น่าจะโอเครแน่นอน และการขนย้ายในครั้งนั้นก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ ต้องยอมรับในวันนั้นใช้บริการ รถหกล้อรับจ้างขนย้ายบ้านชลบุรี ของทีมงานบริการดีมากจริงๆคุ้มค่ากับที่เราได้หาข้อมูลมาอย่างถี่ถ้วนหลังจากนั้นก็ได้ทำการช่วยแชร์ข้อมูลให้กับเพื่อนๆหลายคนที่สอบถามมาและเพื่อนคนอื่นๆที่ต้องการจะย้ายของ โดยให้ข้อมูลไปทั้ง 7 ราย และเพื่อนก็ไม่เคยมีบ่นย้อนหลังกลับมาอีกเลย แสดงว่าผู้ให้บริการรายนี้ น่าจะเป็นที่ถูกใจแก่เพื่อนๆอย่างแน่นอน


ซึ่งเราก็เป็นบุคคลหนึ่งที่พยายามหาสิ่งดีๆในสังคม มาช่วยแนะนำต่อเพื่อนๆให้ได้มีโอกาสได้เจองานบริการต่างๆมากมาย ไม่ใช้เฉพาะ รถรับจ้าง อย่างเดียวเท่านั้น ยังมีงานอื่นๆอีกด้วย ยังไงแล้ว หากใครท่านไหนที่ต้องการทราบข้อมูลอะไรในโลกนี้ "อับดุลเอ้ย" สามารถตอบได้หมด ยังไงก็ช่วยติดตามบทความดีๆจากเราด้วยนะคะ หรือจะกดไลท์มาทางแฟนเพจของเราก็ได้ จะขอบคุณเป็นอย่างมากนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาโดยตลอดกว่า 10 ปี ทุกข่าวสารดีๆ เราจะหามาให้คุณได้อ่านกันนะคะ ขอบคุณมากคะ


รถรับจ้างจังหวัดชลบุรี ติดต่อรับจ้างขนของเจ้าไหนบริการดีและถูก อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.rodrubjang-youservice.com/

หน้า: 1 ... 12 13 [14] 15 16 ... 54

















































รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ทำ SEO ติด Google
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี

รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ

smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย

เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า