แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 18
1
คอนโดติดรถไฟฟ้า คัลเจอร์ จุฬา (Culture Chula)
เริ่มต้น 7.59 ลบ.

คัลเจอร์ จุฬา (Culture Chula)
คอนโดฯ แนวคิดใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อสร้างพื้นที่แห่งการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่า ผ่านการออกแบบด้วยแนวคิดความยั่งยืน พื้นที่ใช้สอยในรูปแบบคอมมินูตี้ที่เอื้อต่อการเชื่อมต่อระหว่างลูกบ้าน ผ่านกิจกรรมและอีเว้นท์ที่หลากหลาย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน 290 เมตรจาก BTS ศาลาแดง / 350 เมตรจาก MRT สามย่าน

 รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ              คัลเจอร์ จุฬา (Culture Chula)
 เจ้าของโครงการ         อนันดาดีเวลลอปเม้นท์
 แบรนด์ย่อย               คัลเจอร์
 ราคา                     เริ่มต้น 7.59 ลบ.

 ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.      โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะทำเล            คอนโดในเมือง, คอนโดใกล้ขนส่งสาธารณะ
 ความสูงคอนโด           High Rise (9 ชั้นขึ้นไป)
 ลักษณะกรรมสิทธิ์       โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ประเภทห้องที่มี          1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน
 ขนาดห้องที่มี            ตั้งแต่ 25.00 ถึง 48.00 ตร.ม.
 เนื้อที่ทั้งหมด            2 ไร่ 1 งาน 66 ตร.ว.
 จำนวนตึก                1 อาคาร
 จำนวนชั้น                32 ชั้น
 จำนวนห้อง              612 ยูนิต
 ที่จอดรถทั้งหมด        248 คัน
 ค่าบำรุงส่วนกลาง       โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 สาธารณูปโภค         สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ., กล้องวงจรปิดโครงการ, ประตู Key Card, อื่นๆ (Co - Kitchen, Theatre Room, Meeting Room, Video Call Booth, Live Studio, Sky View Garden, C-Sky Terrace, Sensory Urban Farming, Breath Pods), ร้านซัก อบ รีด, สวนหย่อม, Co-Working Space, ห้องประชุม

 สถานที่ใกล้เคียง
 โซน          สีลม, บางรัก, สุรวงศ์, สี่พระยา, เจริญกรุง
 ที่ตั้ง          ถนนพระราม 4 แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500

 ขนส่งสาธารณะ
รถไฟฟ้า:               ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน, สถานีบางซื่อ - หัวลำโพง(สามย่าน), ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน, สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ - บางหว้า(ศาลาแดง)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
สามย่าน มิตรทาวน์
จามจุรีสแควร์
สีลมคอมเพล็กซ์
สยามพารากอน
สยามสแควร์
เซ็นทรัลเวิลด์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
โรงเรียนสาธิตมศว. ปทุมวัน
โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โรงพยาบาลจุฬาฯ
โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน
โรงพยาบาลบีเอ็นเอช

2
หมอออนไลน์: เส้นเอ็นอักเสบ/ปลอกหุ้มเอ็นอักเสบ (Tendinitis/Tendosynovitis)

เส้นเอ็นที่พบว่าเกิดการอักเสบได้บ่อย ได้แก่ เส้นเอ็นที่ข้อไหล่ ข้อศอก ข้อมือ นิ้วมือ ข้อสะโพก และเส้นเอ็นร้อยหวาย (เอ็นส้นเท้า) บางครั้งอาจมีการอักเสบของปลอกหุ้มเส้นเอ็นร่วมด้วยเรียกว่า เอ็นและปลอกหุ้มเอ็นอักเสบ (tendosynovitis)

โรคนี้พบได้ค่อนข้างบ่อย พบมากในวัยกลางคน ผู้สูงอายุ นักกีฬา และผู้ที่ทำกิจกรรมอยู่ในท่าเดิมซ้ำ ๆ ประจำ เป็นโรคที่ไม่มีอันตรายร้ายแรง แต่อาจเป็นเรื้อรังและทำให้ทำงานหรือเคลื่อนไหวไม่ถนัด

มีชื่อเรียกเฉพาะสำหรับการอักเสบของเส้นเอ็นตามตำแหน่งต่าง ๆ เช่น

    โรคข้อศอกนักเทนนิส (tennis elbow) เป็นการอักเสบของเส้นเอ็นบริเวณข้อศอก (epicondylitis) พบบ่อยในนักกีฬาเทนนิส นักกอล์ฟ ช่างไม้ ช่างทาสี
    โรคข้อไหล่นักว่ายน้ำ (swimmer’s shoulder) เป็นการอักเสบของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณไหล่ (rotator cuff tendinitis) พบบ่อยในนักว่ายน้ำ นักเทนนิส นักยกน้ำหนัก
    โรคเดอเกอร์แวง (de Quervain’s disease) หรือโรคปลอกเอ็นหุ้มข้อมืออักเสบ เป็นการอักเสบของเส้นเอ็นและปลอกหุ้มที่ควบคุมการเคลื่อนไหวนิ้วหัวแม่มือ พบบ่อยในนักกีฬา นักดนตรี แม่บ้าน คนงาน และผู้ที่ต้องเคลื่อนไหวข้อมือ หรือใช้นิ้วหัวแม่มือซ้ำ ๆ เป็นประจำ
    โรคนิ้วล็อก (trigger finger) เป็นการอักเสบของเส้นเอ็นที่บังคับการงอนิ้วมือ (digital flexor tendosynovitis) ทำให้เวลางอนิ้วแล้วเหยียดคืนให้ตรงไม่ได้ เนื่องเพราะเส้นเอ็นที่อักเสบบวมเกิดการล็อกกับปลอกหุ้มทำให้ไม่สามารถเคลื่อนนิ้วได้ พบบ่อยในนักกีฬาเทนนิส แบดมินตัน กอล์ฟ คนทำสวน และผู้ที่ใช้มือหยิบกำของแข็ง ๆ เป็นประจำ

สาเหตุ

การอักเสบของเส้นเอ็น (tendon) และปลอกหุ้ม (sheat) มักมีสาเหตุจากการได้รับบาดเจ็บ ทำงานหนัก หรือทำกิจกรรมที่มีการใช้เส้นเอ็นส่วนนั้นซ้ำ ๆ ประจำ เกิดการบาดเจ็บเรื้อรัง


อาการ

มีอาการเจ็บปวดตรงเส้นเอ็นที่อักเสบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ทำให้เส้นเอ็นส่วนนั้นถูกยืดและดึงรั้ง

อาการมักจะเป็นอยู่นานเป็นสัปดาห์ ๆ หรือเป็นเดือน ๆ เช่น

โรคเดอเกอร์แวง จะมีอาการเจ็บข้อนิ้วมือด้านนิ้วหัวแม่มือเวลาเหยียดหรืองอหัวแม่มือ กวาดพื้น ยกขันน้ำ บิดผ้า เป็นต้น

โรคนิ้วล็อก จะมีอาการงอนิ้วแล้วเหยียดออกเองไม่ได้ ต้องใช้มืออีกข้างจับเหยียดขึ้น


ภาวะแทรกซ้อน

ทำให้เคลื่อนไหวข้อได้ลำบาก กระทบต่อการทำกิจวัตรประจำวัน


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

เวลาเคลื่อนไหวข้อจะเจ็บ ทำให้เคลื่อนไหวข้อได้ในขอบเขตจำกัด

เมื่อใช้นิ้วมือกดแรง ๆ จะพบจุดที่กดเจ็บ ซึ่งอยู่ใกล้บริเวณข้อ บางรายอาจมีอาการบวมของเส้นเอ็นส่วนนั้นร่วมด้วย

ผู้ที่เป็นโรคเดอเกอร์แวงจะมีอาการกำมือและบิดข้อมือไม่ได้

ผู้ที่เป็นโรคนิ้วล็อก จะงอนิ้ว (เช่น กำมือ) ได้เอง แต่เหยียดนิ้วที่ผิดปกตินั้นเองไม่ได้ ต้องใช้มืออีกข้างหนึ่งช่วยเหยียด


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. แนะนำให้ผู้ป่วยหยุดพักการใช้ข้อที่ปวด ใช้น้ำอุ่นจัด ๆ ประคบ (ในรายที่เกิดจากการบาดเจ็บเฉียบพลัน ควรใช้น้ำแข็งหรือน้ำเย็นประคบทันที และทำซ้ำทุก 3-4 ชั่วโมง จนพ้น 48 ชั่วโมงจึงเปลี่ยนมาประคบด้วยน้ำอุ่น) ทานวดด้วยขี้ผึ้งน้ำมันระกำหรือยาหม่อง ใช้ผ้าพันแผลชนิดยืดพันให้พอแน่น หรือใส่ปลอกรัดหุ้มพยุงข้อ (เช่น wrist support สำหรับข้อมือ, elbow support สำหรับข้อศอก) หรือใส่เฝือก

ถ้ามีอาการปวด ใช้น้ำแข็งหรือน้ำเย็นประคบ และให้กินยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนก ไพร็อกซิแคม นาโพรเซน) เมื่อทุเลาปวดให้ค่อย ๆ เคลื่อนไหวบริหารข้อนั้นให้คืนสู่สภาพปกติ

2. ถ้าอาการไม่ดีขึ้นใน 2 สัปดาห์ หรือเป็นรุนแรง แพทย์จะให้การรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัด และการบำบัดด้วยคลื่นกระแทก (shock wave therapy) เพื่อลดปวดและการซ่อมสร้างเนื้อเยื่อใหม่ (re-healing)

บางรายอาจต้องเอกซเรย์เพื่อตรวจหาสาเหตุอื่น และดูว่ามีหินปูนหรือแคลเซียมเกาะที่เส้นเอ็นหรือไม่

ในรายที่เป็นมาก อาจต้องฉีดสเตียรอยด์ตรงบริเวณที่ปวด (การฉีดยาชนิดนี้อาจทำให้ปวดมาก บางครั้งอาจต้องผสมยาชา) ซึ่งเป็นวิธีรักษาที่ได้ผลดี แต่ไม่ควรฉีดเกินปีละ 2-3 ครั้ง อาจทำให้เส้นเอ็นเปื่อยฉีกขาด เกิดภาวะแทรกซ้อนยุ่งยากตามมาได้

ในรายที่เป็นเรื้อรังหรือเส้นเอ็นมีหินปูนเกาะ มีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว อาจต้องแก้ไขด้วยการผ่าตัด


การดูแลตนเอง

ถ้ามั่นใจหรือได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเส้นเอ็นอักเสบ ควรดูแลตนเองดังนี้

    ประคบด้วยน้ำอุ่นจัด ๆ หรือแช่น้ำอุ่นจัด ๆ ครั้งละ 15-30 นาที วันละ 2-3 ครั้ง เพื่อลดอาการอักเสบ และใช้ขี้ผึ้งน้ำมันระกำ (salicylate ointment) หรือยาหม่องทานวด
    ใช้ผ้าพันแผลชนิดยืด (elastic bandage) พันพอแน่น หรือใส่ปลอกรัดหุ้มพยุงข้อ
    พักการใช้ข้อจนกว่าอาการปวดจะทุเลา
    ถ้าปวด ใช้น้ำแข็งประคบนาน 15-30 นาที กินยาแก้ปวด พาราเซตามอล* หรือยาที่แพทย์แนะนำ
    เมื่อเริ่มทุเลาแล้ว หมั่นบริหารข้อตามคำแนะนำของแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด

ควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการปวดมาก หรือเคลื่อนไหวข้อลำบาก
    ดูแลตนเอง 1 สัปดาห์แล้วไม่ทุเลา
    มีประวัติการแพ้ยา เป็นสตรีที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร หรือผู้มีโรคตับ โรคไต หรือโรคประจำตัวอื่น ๆ ที่มีการใช้ยาหรือแพทย์นัดติดตามการรักษาอยู่เป็นประจำ
    หลังกินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ
    มีความวิตกกังวล หรือไม่มั่นใจที่จะดูแลตนเอง

*เพื่อความปลอดภัย ควรขอคำแนะนำวิธีและขนาดยาที่ใช้ ผลข้างเคียงของยา และข้อควรระวังในการใช้ยา จากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะการใช้ยาในเด็ก สตรีที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวหรือมีการใช้ยาบางชนิดที่แพทย์สั่งใช้อยู่เป็นประจำ


การป้องกัน

หลีกเลี่ยงการใช้งานของข้ออย่างหนัก (เช่น การบิดข้อมือ หรือกำมือแรง ๆ การเล่นกีฬาที่รุนแรง) หมั่นบริหารข้อเป็นประจำ เวลาเล่นกีฬาควรทำการอบอุ่นร่างกายก่อนเสมอ


ข้อแนะนำ

ขณะที่มีอาการเจ็บปวดเส้นเอ็น ควรพักการใช้งานให้เต็มที่และหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวในท่าที่ทำให้ปวด แต่เมื่อเริ่มทุเลาแล้ว ควรหมั่นบริหารข้อ (ตามคำแนะนำของแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด) เพื่อป้องกันไม่ให้ยึดติดและคืนสภาพปกติโดยเร็ว

3
มือถือ Xiaomi เสียวหมี่ Xiaomi Mix Fold 2 (12GB/512GB)
N/A 

เสียวหมี่ Xiaomi Mix Fold 2 (12GB/512GB)
Xiaomi Mix Fold 2 สมาร์ตโฟนหน้าจอ 8.02 นิ้ว มาพร้อมกล้องหลัง 3 เลนส์ ความจุแบตเตอรี่ 4,500 mAh รองรับ Fast charging 67W

รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น                 เสียวหมี่ Xiaomi Mix Fold 2 (12GB/512GB)
   ราคากลาง                -
   จำนวนซิม               2 ซิม (Nano Sim)
   แบบดีไซน์               จอสัมผัส
   สี                         Gold, Black
   ความถี่-เครือข่าย
2G(GSM 850 / 900 / 1800 / 1900)
3G(HSDPA 850 / 900 / 1700(AWS) / 1900 / 2100)
4G(1, 2, 3, 4, 5, 7, 8, 12, 17, 18, 19, 20, 26, 28, 34, 38, 39, 40, 41, 42)
5G(1, 3, 5, 8, 20, 28, 38, 40, 41, 77, 78, 79 SA/NSA)

   ขนาด-น้ำหนัก                    ยาว 161.1 x กว้าง 73.9 x หนา 11.2 มม., น้ำหนัก 262 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน (ROM)    512 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด      -
   แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ        ความจุแบตเตอรี่ 4,500 mAh

จอแสดงผล
   ชนิดจอ             จอสัมผัส (LTPO OLED 10-bit)
   ความละเอียด      8.02 นิ้ว, 360 ppi, 1,914 x 2,160 px
   รายละเอียดอื่น
ระบบปฏิบัติการ Android 12, MIUI Fold 13
ประมวลผลชิปเซ็ต Qualcomm SM8475 Snapdragon 8+ Gen 1
กล้องหลัง 3 เลนส์ เลนส์หลัก 50 MP, f/1.8 + เลนส์ telephoto 8 MP, f/2.6 + เลนส์ ultrawide 13 MP, f/2.4
มีระบบเซ็นเซอร์ Fingerprint (under display, optical), accelerometer, gyro, proximity, compass, color spectrum, barometer
รองรับ Fast charging 67W

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด                 กล้องหลัง (50 Mpx), กล้องหน้า (20 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                             Auto Focus, Flash

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)            Octa-core
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)    Adreno 730
   หน่วยความจำ (RAM)                12.0 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก                Infrared, USB(Type-C), Bluetooth(5.2), NFC, Wi-Fi(802.11 a/b/g/n/ac/6e, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot)
   ระบบรับส่งข้อความ                   SMS, MMS, EMAIL
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต             3G, GPRS, EDGE, WiFi, 4G, 5G
   ระบบ GPS                           A-GPS. Up to tri-band: GLONASS (1), BDS (3), GALILEO (2), QZSS (2), NavIC

4
จัดฟันบางนา: แบบไหนดีกว่ากัน ! ระหว่างการ จัดฟันแบบใส กับการจัดฟันแบบรวดเร็ว Fastbraces

ในการรักษาทางทันตกรรม เป็นการแก้ไขปัญหาฟันในทุกรูปแบบ ขึ้นอยู่ที่ว่าผู้เข้ารับการรักษามีปัญหาเกี่ยวกับช่องปากอย่างไร ซึ่งแต่ละบุคคลแน่นอนว่า มีปัญหาแตกต่างกันอย่างแน่นอน หลายคนเลิกจะเข้ารับการจัดฟัน เพราะมีปัญหาฟันที่ซ้อนเก อย่างรุนแรงและอยากมีฟันที่เรียงกันสวยงามและเป็นธรรมชาติ แต่บางกรณีก็มีผู้ที่มีปัญหาฟันเพียงเล็กน้อย และเข้ารับการจัดฟันแบบใส ซึ่งทันตแพทย์อาจจะแนะนำให้จัดฟันในรูปแบบ

เพราะการจัดฟันแบบใส เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาฟันเพียงเล็กน้อยหรือผู้ที่เคยผ่านการจัดฟันมาแล้ว แต่ไม่ใส่รีเทนเนอร์ จึงทำให้เกิดฟันห่างได้ ซึ่งถึงแม้ผู้ที่เคยจัดฟันมา แต่ใส่รีเทนเนอร์ไม่สม่ำเสมอ ทำให้เกิดปัยหาตามมา แต่อย่างไรก็ตาม หากเข้ารับการจัดฟันแบบใส จะต้องมีวินัยในเรื่องของการสวมใส่เครื่องมืออย่างมาก เพราะไม่อย่างนั้น ก็จะเกิดปัญหาเดิมๆได้

ความแตกต่างระหว่างการจัดฟันแบบใส กับการจัดฟันแบบรวดเร็ว Fastbraces มีข้อแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดในเรื่องของเครื่องมือ เครื่องมือการจัดฟันแบบใส สามารถถอดออกได้ และมีความหลากหลายในการรับประทานอาหาร รวมไปถึงสามารถทำความสะอาดช่องปากได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่การจัดฟันแบบรวดเร็ว Fastbraces ไม่สามารถถอดเครื่องมือออกได้ และรับประทานอาหารได้ไม่หลากหลาย แต่การจัดฟันแบบรวดเร็ว มีความเจ็บและระคายเคืองน้อยกว่าการจัดฟันแบบใส รวมไปถึงระยะเวลาในการจัดฟันก็น้อยกว่าการจัดฟันแบบใสด้วย นี่คือข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดว่า ไม่ว่าการจัดฟันแบบไหน ก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันอย่างแน่นอน มีจุดเด่น เอกลักษณ์ คนละแบบ แต่ในเรื่องของระยะเวลาต้องยกให้การจัดฟันแบบรวดเร็ว ซึ่งทำให้เห็นผลได้เร็วกว่า

แต่การจัดฟันนั้น ไม่ว่าจะจัดฟันแบบไหน หรือผู้เข้ารับการรักษามีความต้องการที่จะจัดฟันแบบที่ตัวเองคิดไว้ ก็ต้องทำการปรึกษาทันตแพทย์ผู้ทำการรักษาเสียก่อน เพราะทันตแพทย์จะต้องทำการพิจารณาช่องปากของผู้เข้ารับการรักษาก่อนว่า เหมาะสมที่จะเข้ารับการจัดฟันในรูปแบบใด เพราะการจัดฟันแบบใส หรือการจัดฟันแบบรวดเร็ว Fastbraces ไม่สามารถทำได้ทุกคน มีข้อจำกัดในเรื่องของการจัดฟันอยู่ ซึ่งทันตแพทย์จะทำการวินิจฉัยเองว่า สภาพฟันและช่องปากของผู้เข้ารับการรักษา เหมาะที่จะจัดฟันแบบใด ทั้งนี้สามารถเข้ารับการประเมินช่องปากได้ฟรี รวมไปถึงสามารถเข้ารับคำแนะนำจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากคลีนิคได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

5
หมอออนไลน์: โรคบิด (Dysentery)

โรคบิด (Dysentery) คืออาการท้องเสียอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นจากเชื้อแบคทีเรียชิเกลลา (Shigella) หรือเกิดจากติดเชื้อจากสัตว์เซลล์เดียวอย่างตัวอะมีบา (E. histolytica) โดยอาการหลัก ๆ ของโรคบิดที่พบได้แก่ อาการท้องเสีย ถ่ายอุจจาระบ่อย เมื่อถ่ายอุจจาระจะมีมูกหรือมูกเลือดออกมาด้วย และปวดท้องเป็นพักๆ

โรคบิดแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่

    โรคบิดชนิดไม่มีตัว (Bacillary Dysentery หรือ Shigellosis) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในกลุ่มชิเกลลา (Shigella) สามารถพบได้ทั่วไปในพื้นที่ที่มีสุขอนามัยไม่ดี
    โรคบิดชนิดมีตัว (Amoebic Dysentery หรือ Amoebiasis) เป็นโรคบิดที่เกิดจากสัตว์เซลล์เดียวอันมีชื่อว่า อะมีบา ที่มักพบการติดเชื้อได้ในพื้นที่ร้อนชื้นและที่ที่มีการดูแลสุขอนามัยที่ไม่ดีมากนัก

ปัจจุบันในประเทศไทยยังพบว่ามีรายงานผู้ป่วยโรคบิดในหลาย ๆ ท้องที่เนื่องจากยังมีบางพื้นที่ที่มีการสุขาภิบาลด้านอาหารและน้ำดื่มที่ไม่ดีพอ ทั้งนี้โรคบิดเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้ หากรักษาได้อย่างทันท่วงทีและได้รับการชดเชยภาวะขาดน้ำควบคู่กับการให้ยาฆ่าเชื้ออย่างเหมาะสม แต่ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วก็อาจจะทำให้อาการรุนแรงจนถึงแก่ชีวิตได้
อาการของโรคบิด

อาการของโรคบิดสามารถแสดงให้เห็นได้ชัดเจนผ่านอาการท้องเสียอย่างรุนแรง แต่ในกรณีที่ผู้ป่วยติดเชื้อโรคบิดชนิดไม่มีตัวก็อาจไม่มีอาการแสดงให้เห็น แต่จะสามารถตรวจพบเชื้อได้ในอุจจาระ และสามารถแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นผ่านอุจจาระได้เช่นกัน

ทั้งนี้อาการของโรคบิดทั้ง 2 ชนิดจะค่อนข้างคล้ายกัน คือ หลังจากรับเชื้อแล้ว จะต้องใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ในการฟักตัว โดยในช่วงนี้จะไม่มีอาการใด ๆ แสดงให้เห็น แต่ภายหลังจะเริ่มมีอาการท้องเสีย โดยสามารถสังเกตได้ว่าท้องเสียหรือไม่ ด้วยการการนับจำนวนครั้งที่ถ่าย หากเริ่มถ่ายติดต่อกันมากกว่า 3 ครั้งก็เข้าข่ายว่าท้องเสีย แต่อาการท้องเสียจากโรคบิดจะรุนแรงกว่าเพราะจะมีอาการอุจจาระเป็นน้ำ มีมูกหรือมูกเลือดปนออกมากับอุจจาระ ร่วมกับอาการปวดเกร็ง ปวดบีบที่ท้องเป็นพัก ๆ ปวดหน่วงที่ทวารหนัก คลื่นไส้ อาเจียน และมีไข้ขึ้นสูงกว่า 38 องศาเซลเซียส ซึ่งหากเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียในโรคบิดชนิดไม่มีตัว ก็อาจหายได้โดยไม่ต้องทำการรักษาใด ๆ แต่ส่วนใหญ่ต้องรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อ

ทว่าหากเป็นโรคบิดชนิดมีตัว นอกจากอาการข้างต้นแล้ว ตัวอะมีบาก็อาจเข้าไปสู่กระแสเลือด และแพร่ไปยังอวัยวะภายในต่าง ๆ เช่น ตับ หัวใจ สมอง หรืออวัยวะอื่น ๆ ซึ่งตัวอะมีบาจะเข้าไปทำให้เนื้อเยื่อในอวัยวะถูกทำลาย หรือก่อให้เกิดฝีที่อวัยวะต่าง ๆ และนำไปสู่อาการติดเชื้อ หรืออาการอื่น ๆ ที่รุนแรงขึ้น หากไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที จะทำให้เสียชีวิตได้

สาเหตุของโรคบิด

โรคบิดแต่ละชนิด เกิดจากสาเหตุที่แตกต่างกันไป แต่ความรุนแรงจะแตกต่างกัน โดยเฉพาะโรคบิดชนิดมีตัวจะรุนแรงที่สุด เนื่องจากตัวอะมีบาอาจเข้าไปทำลายอวัยวะภายในได้

โรคบิดชนิดไม่มีตัว มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียในกลุ่มชิเกลลา (Shigella) นอกจากนี้เชื้อชนิดอื่น ๆ ก็อาจก่อให้เกิดโรคบิดได้ เช่น เชื้อแคมพีโลแบคเตอร์ (Campylobacter) เชื้อเอสเชอริเชีย โคไล หรือเชื้อ อี โคไล (Escherichia Coli: E. coli) และเชื้อซาโมเนลลา (Salmonella) เป็นต้น

โรคบิดชนิดมีตัว มีสาเหตุเกิดจากอะมีบา โดยเชื้อดังกล่าวจะมีวงจรชีวิต 2 ระยะ ดังนี้

    ระยะถุงหุ้ม (Cysts) เป็นระยะที่อะมีบาไม่สามารถแพร่กระจายได้ แต่สามารถอาศัยอยู่ในดิน ในปุ๋ย หรือในน้ำได้หลายเดือน
    ระยะโทรโพไซท์ (Trophozite) เป็นระยะที่อะมีบาออกมาจากถุงหุ้มและแพร่กระจายได้ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในระบบย่อยอาหาร โดยเฉพาะในลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ ซึ่งตัวอะมีบาจะฝังตัวอยู่ที่ผนังลำไส้ จนทำให้ผู้ป่วยมีอาการอุจจาระเป็นเลือด ลำไส้อักเสบ และเนื้อเยื่อภายในลำไส้ถูกทำลาย จากนั้นอะมีบาจะสร้างถุงหุ้มขึ้นมาและออกจากร่างกายไปพร้อมอุจจาระ กลับคืนสู่ธรรมชาติอีกครั้ง ทั้งนี้หากอะมีบาในระยะนี้แพร่กระจายไปยังกระแสโลหิตก็จะทำให้เชื้อไปถึงอวัยวะอื่นในร่างกายได้ และก่อให้เกิดการติดเชื้อที่อวัยวะนั้น ๆ หรือเกิดฝี และเกิดอาการป่วยที่รุนแรง รวมทั้งอาจนำมาสู่การเสียชีวิตได้

โรคบิดสามารถติดต่อกันได้ผ่านเชื้อโรคที่อยู่ในอุจจาระของผู้ป่วย โดยเมื่อเชื้อของโรคบิดปนเปื้อนไปสู่แหล่งน้ำ ลงไปในอาหาร หรือตกค้างอยู่ที่มือของผู้ป่วย ก็อาจทำให้เชื้อแพร่กระจายได้ ไม่เพียงเท่านั้นแมลงวันยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เชื้อแพร่กระจายได้อีกด้วย ขณะที่ผู้ป่วยที่มีเชื้อของโรคบิดสามารถเป็นพาหะและแพร่เชื้อได้ตลอดเวลาที่มีอาการ เพราะจะมีเชื้อออกมากับอุจจาระทุกครั้งที่ถ่าย และเชื้อจะค่อย ๆ หมดไปหลังจาก 2-3 สัปดาห์

ทั้งนี้ปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อแบคทีเรียหรือได้รับเชื้ออะมีบาเข้าสู่ร่างกาย อาจเกิดขึ้นกับกลุ่มคนเหล่านี้ ได้แก่

    ผู้ที่อาศัยหรือเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีสุขอนามัยที่ไม่ดี
    ผู้ที่อพยพมาจากพื้นที่ที่มีสุขอนามัยที่ไม่ดี
    ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการจัดการสุขอนามัยไม่ดี อาทิ เรือนจำ
    ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
    ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน หรือมีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอ

การวินิจฉัยโรคบิด

ในเบื้องต้นผู้ป่วยอาจสันนิษฐานได้คร่าว ๆ ว่าเป็นโรคบิดหรือไม่ จากอาการท้องเสีย หากอุจจาระที่ออกมามีมูกเลือดปนในหลังจากรับประทานอาหาร หรือน้ำดื่มที่ไม่สะอาด ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

ทั้งนี้เมื่อถึงมือแพทย์แล้ว แพทย์จะทำการซักประวัติเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร หรือการดื่มน้ำ และการเดินทางไปยังพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการระบาดของเชื้อแบคทีเรียหรือตัวอะมีบา จากนั้นแพทย์จะสั่งเก็บตัวอย่างอุจจาระ แล้วส่งตรวจยังห้องปฏิบัติการ โดยจะต้องทำการเก็บเพื่อนำมาตรวจหาเชื้อติดต่อกัน 3 วัน เพื่อผลที่แม่นยำ และหากพบว่ามีการติดเชื้อ แพทย์ก็จะเริ่มวางแผนในการรักษาทันที เนื่องจากหากปล่อยไว้นาน อาจทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะแทรกซ้อนได้

หากเป็นการติดเชื้อโรคบิดจากเชื้ออะมีบา แพทย์อาจมีความจำเป็นที่จะต้องตรวจการทำงานของตับ และเอกซเรย์คอมพิวเตอร์เพื่อดูสภาพของตับ เนื่องจากตัวอะมีบาอาจเข้าไปทำลายตับ จนทำให้เกิดบาดแผล หรือเป็นฝีในตับ ซึ่งถือเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย

ในขณะเดียวกัน แพทย์อาจใช้วิธีส่องกล้องเพื่อดูการติดเชื้อที่บริเวณลำไส้และเนื้อเยื่อในลำไส้เพื่อประเมินความรุนแรง และวางแผนการรักษา รวมถึงป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
การรักษาโรคบิด

โรคบิดสามารถรักษาให้หายได้ และหากได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีก็จะช่วยให้ความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนลดลง ซึ่งการรักษาจะคำนึงถึงชนิดของโรคบิดและความรุนแรงของอาการ ดังนี้

โรคบิดชนิดไม่มีตัว โดยปกติแล้วโรคบิดชนิดนี้จะมีอาการประมาณ 5-7 วัน หากอาการไม่รุนแรง และผู้ป่วยมีสุขภาพที่ดีอยู่แล้ว การรักษาจะเน้นไปที่การรักษาภาวะสูญเสียน้ำและเกลือแร่ในร่างกายจากการท้องเสียเท่านั้น โดยผู้ป่วยควรเลี่ยงการใช้ยารักษาอาการท้องเสียโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้อาการยิ่งแย่ลง

ในการรักษาภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ การดื่มน้ำให้เพียงพอก็สามารถช่วยลดผลกระทบจากอาการท้องเสียได้ แต่ถ้าหากเป็นเด็ก การใช้ผงน้ำตาลเกลือแร่จะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูได้เร็วกว่า แต่ถ้าหากอาการรุนแรงจนต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาล แพทย์จะสั่งให้น้ำเกลือผ่านทางหลอดเลือดดำแทน เพราะจะช่วยให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูจากความรุนแรงของโรคบิดได้

ในกรณีที่อาการของโรคบิดไม่รุนแรง ไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ เนื่องจากอาจทำให้เชื้อดื้อยาได้ แต่ถ้าหากมีอาการรุนแรง ผู้ป่วยจะต้องได้รับยาปฏิชีวนะ เพราะยาดังกล่าวจะช่วยลดระยะเวลาของอาการได้ นอกจากนี้ ในผู้ป่วยที่เป็นเด็กทารก ผู้สูงอายุ ผู้ที่ติดเชื้อ HIV หรือผู้ป่วยที่อยู่สถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่กระจายของเชื้ออาจต้องได้รับยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจายหรือส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต

โรคบิดชนิดมีตัว ในการรักษาโรคบิดชนิดนี้จะเน้นที่การใช้ยาเป็นหลัก เนื่องจากอะบีมาไม่สามารถออกไปจากร่างกายของเราได้หมด และสามารถแพร่กระจายไปยังผู้อื่นได้แม้จะไม่มีอาการของโรคบิดก็ตาม ซึ่งหากมีการตรวจพบอะมีบาในอุจจาระ แพทย์จะแนะนำให้ใช้ยาไดโลซาไนต์ ฟูโรเอต ในการกำจัดปรสิตอย่างอะมีบาออกจากร่างกาย ส่วนอาการอื่น ๆ ของโรคบิดชนิดนี้จะเป็นการรักษาตามอาการ จนกว่าอาการจะดีขึ้นและสามารถกำจัดตัวอะมีบาออกจากร่างกายได้หมดแล้ว ทว่าหากผู้ป่วยเกิดภาวะแทรกซ้อน ก็จะต้องใช้วิธีการรักษาดังต่อไปนี้

    ลำไส้อักเสบจากอะมีบา (Amoebic Colitis) หากผู้ป่วยมีอาการลำไส้อักเสบที่มีสาเหตุมาจากตัวอะมีบาร่วมกับอาการของโรคบิด แพทย์จะสั่งใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาอาการ โดยยาที่นิยมใช้ ได้แก่ ยาเมโทรนิดาโซล ยาทินิดาโซล และอาจมีการใช้ยาไดโลซาไนต์ ฟูโรเอต เพื่อกำจัดอะมีบาที่อยู่ภายในกระเพาะอาหาร ทั้งนี้หากการรักษาเสร็จสิ้นแล้ว ผู้ป่วยยังคงต้องได้รับการตรวจเพื่อติดตามผล จนกว่าแพทย์จะมั่นใจว่าไม่มีอะมีบาหลงเหลือภายในร่างกายอีกต่อไป
    ฝีในตับจากอะมีบา (Amoebic Liver Abscess) ถือเป็นอาการที่ค่อนข้างอันตราย และต้องใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาฝี โดยยาที่ใช้จะเหมือนกับการรักษาภาวะลำไส้อักเสบจากอะมีบา เพราะสามารถรักษาฝีให้หายได้

นอกจากนี้การรักษาภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ซึ่งหากผู้ป่วยมีอาการของลำไส้อักเสบ ก็จะมีความเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำมากขึ้น จึงควรดื่มน้ำมาก ๆ หรือใช้ผงน้ำตาลเกลือแร่ควบคู่ด้วย โดยการให้รับประทานผงน้ำตาลเกลือแร่เพื่อทดแทนการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของภาวะขาดน้ำ ดังนี้

    ภาวะขาดน้ำไม่รุนแรง ให้เบื้องต้น 50 มิลลิลิตร ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ติดต่อกัน 4 ชั่วโมง จากนั้นให้ 100 มิลลิลิตร ต่อเนื่องกัน 24 ชั่วโมง
    ภาวะขาดน้ำปานกลาง ให้เบื้องต้น 100 มิลลิลิตร ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ติดต่อกัน 4 ชั่วโมง จากนั้นให้ 100 มิลลิลิตร ต่อเนื่องกัน 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ต้องให้ควบคู่กับการให้น้ำเกลือ และสารน้ำ (Volumetric Solution: V/S) ทางหลอดเลือดดำ
    ภาวะขาดน้ำรุนแรง ให้ผงน้ำตาลเกลือแร่ทางปากให้เร็วและมากที่สุด จากนั้นส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเพื่อรับสารน้ำทางหลอดเลือดดำต่อไป

อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยมีภาวะแทรกซ้อนอย่างลำไส้อักเสบ หรือฝีในตับที่รุนแรง เช่น ลำไส้ทะลุ ฝีที่ตับมีขนาดใหญ่มาก หรือการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะไม่ได้ผล ก็จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อซ่อมแซมลำไส้และดูดหนองออกเพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปทั่วร่างกายจนเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
ภาวะแทรกซ้อนของโรคบิด

ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคบิดนั้น เป็นอาการที่ควรเฝ้าระวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะแต่ละอาการสามารถส่งผลรุนแรงต่อผู้ป่วยได้ ซึ่งภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้ในผู้ป่วยโรคบิดจะแตกต่างไปตามชนิดของโรค ดังนี้

โรคบิดชนิดไม่มีตัว โดยปกติแล้วโรคบิดชนิดนี้จะไม่ค่อยพบอาการแทรกซ้อน แต่ก็อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนกว่าการทำงานของลำไส้จะกลับมาเป็นปกติ และหากพบภาวะแทรกซ้อนก็มักมีอาการดังต่อไปนี้

    ภาวะขาดน้ำ การท้องเสียติดต่อกันนาน ๆ จะทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะขาดน้ำ และหากเกิดการขาดน้ำอย่างรุนแรงก็อาจทำให้เกิดอาการช็อก และเสียชีวิตได้
    อาการชัก กรณีโรคบิดในเด็ก อาการของบิดจะทำให้เด็กมีไข้สูง จนเกิดอาการชักได้ ซึ่งหากมีอาการควรรีบติดต่อแพทย์โดยทันที
    ทวารหนักโผล่ (Rectal Prolapse) การเคลื่อนของลำไส้ที่ผิดปกติจากโรคบิด อาจทำให้เยื่อเมือกบุผนังลำไส้หรือหนังลำไส้ตรงเคลื่อนออกมาอยู่นอกทวารหนักได้
    ภาวะเม็ดเลือดแดงแตกและไตวายเฉียบพลัน (Hemolytic Uremic Syndrome) ในผู้ป่วยโรคบิดชนิดไม่มีตัวบางรายที่มีสาเหตุมาจากเชื้ออี โคไล สามารถเกิดอาการเม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือดต่ำจนเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลันได้
    ลำไส้พองตัว (Toxic Megacolon) เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อย เมื่อลำไส้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ ก็จะทำให้อาหารหรือแก๊สภายในระบบย่อยอาหารไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ หากไม่ได้รับการรักษา ลำไส้อาจแตกและทำให้เชื้อโรคแพร่กระจาย ซึ่งต้องเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน หากรักษาไม่ทันก็จะทำให้เสียชีวิตได้
    โรคข้ออักเสบรีแอคทีฟ (Reactive Arthritis) อาการนี้จะเกิดขึ้นได้เมื่อมีการติดเชื้อในร่างกาย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการปวดตามข้อ และเกิดอาการอักเสบร่วมด้วย นอกจากนี้ยังอาจพบอาการคัน หรือระคายเคืองตา หากปัสสาวะก็จะรู้สึกเจ็บ

โรคบิดชนิดมีตัว การติดเชื้อจากอะมีบาอาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยได้ เพราะหากเชื้อหลุดรอดเข้าไปยังกระแสโลหิตก็อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต โดยภาวะแทรกซ้อนที่มักพบ ได้แก่

    ภาวะลำไส้เน่า (Necrotizing Colitis) เกิดจากเชื้ออะมีบาฝังตัวในลำไส้ จนทำให้เนื้อเยื่อบริเวณลำไส้ตายและเน่า หากไม่ได้รับการรักษาอาจเสียชีวิตได้
    ลำไส้พองตัว (Toxic Megacolon) เป็นอาการที่ลำไส้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ ทำให้อาหารหรือแก๊สภายในลำไส้ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ หากไม่ได้รับการรักษา ลำไส้อาจแตกและทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย และเสียชีวิตได้
    ภาวะทวารหนักทะลุเข้าช่องคลอด (Rectovaginal Fistula) เป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคบิดชนิดมีตัวในเพศหญิง ซึ่งหากมีอาการอักเสบของบริเวณลำไส้ส่วนทวารหนักเรื้อรัง จะทำให้ผนังลำไส้ส่วนดังกล่าวอ่อนแอ จนทำให้เกิดการทะลุ ทำให้อุจจาระไหลเข้าไปที่ช่องคลอดได้
    ฝีที่ตับ (Liver Abscess) เมื่อตัวอะมีบาแพร่กระจายเข้าไปในกระแสเลือดและไปที่ตับ ก็อาจทำให้เกิดฝีที่ตับ และอาจก่อให้เกิดการปริแตกของเยื่อหุ้มช่องท้อง เยื่อหุ้มทรวงอก และเยื่อหุ้มหัวใจได้ รวมทั้งฝีอาจแพร่กระจายไปยังเยื่อหุ้มปอด เยื่อหุ้มหัวใจ และเยื่อหุ้มสมอง จนเป็นอันตรายต่อชีวิตได้

นอกจากนี้ยังอาจพบภาวะแทรกซ้อน อื่น ๆ ได้อีก เช่น ลำไส้ทะลุ เลือดออกในทางเดินอาหาร ลำไส้ตีบตัน ภาวะลำไส้กลืนกัน (Intussusception) เยื่อบุช่องท้องอักเสบ (Peritonitis) และภาวะมีหนองในโพรงเยื่อหุ้มปอด (Empyema) เป็นต้น
การป้องกันโรคบิด

การรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอเป็นวิธีป้องกันโรคบิดที่ดีที่สุด เพราะสุขอนามัยที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อโรคบิดได้ โดยวิธีที่สามารถทำได้ง่าย ๆ เพื่อลดความเสี่ยงโรคบิด ได้แก่

    ล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้งหลังจากเข้าห้องน้ำเพื่อกำจัดเชื้อ
    ล้างมือทุกครั้งก่อนใช้มือหยิบจับอาหาร
    หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้อื่น
    หากในครอบครัวมีผู้ป่วยโรคบิด ควรรักษาความสะอาดและสุขอนามัยให้มากขึ้น รวมทั้งป้องกันการติดเชื้อ หรือการแพร่กระจายของเชื้อด้วยการทำความสะอาดเสื้อผ้าหรือเครื่องใช้ส่วนตัวที่เป็นผ้าด้วยน้ำร้อนเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่อาจติดอยู่กับผ้า
    ดื่มน้ำจากแหล่งน้ำที่สะอาดเพื่อป้องกันเชื้อที่อาจปะปนอยู่ในน้ำ

นอกจากนี้ หากต้องเดินทางเข้าไปในพื้นที่ที่มีสุขอนามัยไม่ดี หรือมีความเสี่ยงที่จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำที่ไม่ได้บรรจุอย่างถูกสุขลักษณะ โดยควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำจากก๊อกน้ำ หลีกเลี่ยงการรับประทานน้ำแข็ง ไอศกรีม สัตว์ทะเลที่มีเปลือก อาหารที่มีผักสด หรือผลไม้ที่ผ่านการปอกเปลือกแล้ว เพราะอาจมีเชื้อโรคปนเปื้อนได้

 

6
motor expo ZEEKR 009 รถเอ็มพีวีไฟฟ้าเซกเมนต์สุดลักชัวรี พร้อมความหรูหราระดับเฟิร์สคลาส ในราคา 3.099 ลบ.

บริษัท ซีเคอาร์ อินเทลลิเจนท์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด (ZEEKR Intelligent Technology) ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้าระดับพรีเมียม-ลักชูรีต่อยอดความสำเร็จจากการเปิดตัว ZEEKR X ที่ผ่านมา ประกาศเปิดตัว ZEEKR 009 รถเอ็มพีวีพลังงานไฟฟ้า เจาะเซกเมนต์ลักชัวรี นำเสนอยนตรกรรมไฟฟ้าที่ผสานความเป็นที่สุด ความหรูหราระดับเฟิร์สคลาส นวัตกรรมอัจฉริยะ สมรรถนะที่เหนือชั้น และความปลอดภัยขั้นสูงสุด ภายใต้แนวคิด Every Journey Shines ให้ทุกโมเมนต์ของการเดินทางมีความหมายกับทุกคนในรถ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 3.099 ล้านบาท พร้อมส่งมอบรถประมาณเดือนตุลาคมเป็นต้นไป

ตลาดเอ็มพีวีปี 2567 โตต่อเนื่อง ตอบโจทย์ครอบครัวและการใช้งานอเนกประสงค์
ตลาดยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยกำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้คาดการณ์การเติบโตของยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2567 เมื่อเทียบกับปี 2566 อาจสูงถึง 18.9%  นอกจากนี้ตลาดรถยนต์เอ็มวีพีที่กำลังไต่ระดับยอดจองและยอดขาย แสดงให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหมู่ผู้บริโภคชาวไทย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มครอบครัวหรือผู้ที่ต้องการความอเนกประสงค์ในการใช้งาน ส่งผลให้แต่ละแบรนด์ในตลาดแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อนำเสนอรถเอ็มพีวีที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภค นอกจากนี้การเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีพลังงานสะอาดยังเป็นแนวโน้มที่น่าจับตามองในตลาดนี้ ทำให้สามารถคาดหวังได้ว่าจะได้เห็นรถเอ็มพีวีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในอนาคตอันใกล้

ความสำเร็จของ ZEEKR X ในไทย สู่การเปิดตัว ZEEKR 009 เอ็มพีวีเซกเมนต์ลักชูรี
เป่า จ้วงเฟย (อเล็กซ์) ประธานฝ่ายภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซีเคอาร์ อินเทลลิเจนท์ เทคโนโลยี กล่าวว่า "ความสำเร็จของ ZEEKR ในตลาดไทยเริ่มต้นด้วยการเปิดตัว ZEEKR X ซึ่งได้รับการตอบรับความสนใจอย่างมาก โดยมียอดส่งมอบรถมากกว่า 250 คันภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือนหลังการเปิดตัวซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ไม่เพียงแค่แสดงถึงการยอมรับในผลิตภัณฑ์ แต่ยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไทยที่มีต่อแบรนด์ ZEEKR ครั้งนี้เราเปิดตัว ZEEKR 009 เอ็มพีวีที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ที่จะเป็นการปฏิวัติแนวคิดของการเดินทางในยุคใหม่ที่มุ่งเน้นการสร้างความสุขให้กับผู้ใช้งานทุกคน ภายใต้แนวคิด Every Journey Shines ซึ่ง ZEEKR 009 จะสร้างประสบการณ์ที่ดีตลอดการใช้งาน ทำให้ทุกโมเมนต์ของทุกคนมีความหมายและเต็มไปด้วยความสุข ผ่านความเป็นสุดยอดของ ZEEKR 009 ได้แก่ Ultimate Luxury ความหรูหราระดับเฟิร์สคลาส, Ultimate Intelligence นวัตกรรมอัจฉริยะ, Ultimate Performance สมรรถนะที่เหนือชั้น และ Ultimate Safety ความปลอดภัยขั้นสูงสุด อีกทั้ง ZEEKR 009 ยังให้ความสำคัญกับคนขับและผู้โดยสารทุกที่นั่ง ให้ความสบายและความปลอดภัยสูงสุดทุกที่นั่งด้วยแนวคิด Every Seat Matters ที่แตกต่างจากเอ็มพีวีทั่วไปในตลาด ZEEKR 009 จึงพร้อมที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ในเมืองไทย”

สัมผัสนวัตกรรมใหม่ภายใต้แนวคิด Every Journey Shines กับ ZEEKR 009
ZEEKR 009 เป็นยนตรกรรมที่ครบครันทั้ง ความหรูหรา นวัตกรรมอัจฉริยะ สมรรถนะที่เหนือชั้น และความปลอดภัยขั้นสูงสุด โดดเด่นด้วยแนวคิด Every Journey Shines ที่เน้นความสะดวกสบายผสมผสานความหรูหรากับห้องโดยสารที่ถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์คุณภาพระดับเฟิร์สคลาสของสายการบิน ด้วยเบาะที่นั่งผู้โดยสารแถวสองแบบ Sofaro First Class Airline Seats พร้อมโหมดการการปรับแบบ Eames Lounge Chair Mode ที่สามารถปรับเอนนอนได้เพียงปุ่มเดียว และโต๊ะแบบพับเก็บได้ เบาะนั่งบุด้วยหนัง Nappa แบบนุ่ม

เบาะนั่งคนขับ, ผู้โดยสารด้านหน้าและผู้โดยสารแถวสองมาพร้อมระบบนวดไฟฟ้า มีหน้าจอ OLED แบบทัชสกรีนขนาด 15.05 นิ้ว และหน้าจอเสมือนบนกระจก AR-HUD ขนาด 35.95 นิ้ว พร้อมหน้าจอเพดาน สำหรับผู้โดยสารด้านหลังแบบ Touch Screen OLED ขนาด 17 นิ้ว

ช่วยเพิ่มประสบการณ์การขับขี่อย่างเหนือชั้นด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8295 จำนวนสองชุด เพื่อเสริมการประมวลผลที่รวดเร็วและทรงพลัง รองรับคำสั่งได้ถึง 60 ล้านคำสั่งต่อวินาที รวมถึงระบบเสียงรอบทิศทางจาก YAMAHA  30 ตัวที่พร้อมให้ความบันเทิงได้ในทุกการเดินทาง

สมรรถนะของ ZEEKR 009 โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์คู่ที่มีกำลังสูงสุด 450 kW หรือเทียบเท่า 603 แรงม้า และแรงบิด 693 นิวตันเมตร ทำให้รถสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 4.5 วินาที แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขนาด 116 kWh โดยสามารถวิ่งได้ไกลถึง 686 กม. ตามมาตรฐาน NEDC ทำให้ ZEEKR 009 เป็นรถที่มีสมรรถนะสูงและสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ได้อย่างลงตัว

นอกจากนี้ยังเพิ่มสุนทรียภาพในการเดินทางด้วย ระบบช่วงล่างถุงลมประสิทธิภาพสูง พร้อมระบบ CCD Electromagnetic Vibration Reduction System ช่วยลดแรงสะเทือนที่จะเข้าสู่ในห้องโดยสาร และ ZEEKR 009 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงสุดที่ได้รับการออกแบบเพื่อปกป้องผู้โดยสารอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งโครงสร้างด้านท้ายของรถที่ผลิตจากอลูมิเนียมชิ้นเดียวมีความแข็งแรงสูงพร้อมถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่งพร้อมปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั่วทั้งคัน

ปูพรมกิจกรรมทางการตลาดเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายพรีเมียม-ลักชัวรี
ZEEKR ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้าที่ล้ำสมัย หรูหรา แต่ยังเตรียมแผนขยายการรับรู้และสร้างฐานลูกค้าในประเทศไทย ทั้งการสปอนเซอร์ให้กับดีไซน์เนอร์ชื่อดัง ประภากาศ อังศุสิงห์ แห่งแบรนด์ HOOK (HOOK'S by PRAPAKAS PRESENTED by ZEEKR) ในแฟชั่นโชว์ครั้งใหญ่ระดับประเทศ และคอร์สอบรบเพิ่มทักษะการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าอย่างปลอดภัยสำหรับเจ้าของรถยนต์ ZEEKR ที่สนามแข่งรถแก่งกระจานเซอร์กิต ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์  ที่จัดขึ้นในเดือนตุลาคมนี้ นอกจากนี้ยังเน้นกลยุทธ์ด้านบริการหลังการขายระดับพรีเมียมด้วยโปรแกรมบริการพิเศษสำหรับเจ้าของรถ ZEEKR  ทุกรุ่น เช่น การรับประกันมอเตอร์และแบตเตอรี่แรงดันสูง 8 ปี และ บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง และ Mobile Service นานถึง 5 ปี เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในคุณภาพและการดูแลรักษารถยนต์ไฟฟ้า

สร้างปรากฏการณ์ใหม่ สู่การเป็นผู้นำตลาดรถไฟฟ้าพรีเมียม-ลักชัวรี
“ด้วยเป้าหมายที่จะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับดีไซน์สุดหรูอันเป็นเอกลักษณ์ ZEEKR มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ระดับพรีเมียมพร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ด้วยสมรรถนะอันทรงพลังและระยะทางขับขี่ ยิ่งไปกว่านั้น ZEEKR มุ่งสร้างประสบการณ์การใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบบไร้รอยต่อ ด้วยการพัฒนาและเพิ่มสาขาของ ZEEKR House อย่างต่อเนื่องพร้อมดูแลลูกค้าอย่างเหนือชั้น ด้วยความมุ่งมั่นของ ZEEKR ในการที่จะก้าวเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต” เป่า จ้วงเฟย กล่าวสรุป

ราคาเริ่มต้น 3.099 ล้านบาท พร้อมส่งมอบรถประมาณเดือนตุลาคม
ZEEKR 009 ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ให้กำลังขับขี่ 603 แรงม้า สามารถวิ่งได้ไกลถึง 686 กม. ตามมาตรฐาน NEDC ในการชาร์จเพียงครั้งเดียว กับล้อขนาด 20 นิ้ว ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง รองรับผู้โดยสารได้ 6 คน ตกแต่งหรูหราพร้อมอุปกรณ์ครบครัน

ทั้งไฟ Ambient Light, หน้าจอแสดงผล 5 จอ รวมถึงจอ AR HUD ขนาด 35.95 นิ้ว พร้อมกับระบบเสียงรอบทิศทางจาก YAMAHA ทั้งหมด 30 ตำแหน่ง ZEEKR 009 มี 3 โทนสีรถภายนอกได้แก่

สีขาว Crystal White (ภายในโทนสีดำ)
สีน้ำเงิน Electric Blue (ภายในโทนสีดำ หรือ ภายในทูโทนสีน้ำเงิน/ขาว)
สีดำ Phantom Black (ภายในโทนสีดำ หรือ ภายในทูโทนสีเทา/ขาว)
ราคา 3,099,000 บาท พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ ประกันภัยชั้น 1, การรับประกันตัวรถ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน การรับประกันมอเตอร์และแบตเตอรี่แรงดันสูง 8 ปีหรือ 180,000 กิโลเมตร อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน  24 ชั่วโมง และบริการ Mobile Service นาน 5 ปี และ พิเศษสุด สำหรับลูกค้า 1,000 ท่านแรก รับฟรี Wallbox จาก VREMT พร้อมแพคเกจติดตั้ง* มูลค่า 70,000 บาท
*หมายเหตุ: เมื่อจองและรับรถภายใน 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

7
ชุดปฏิบัติธรรม ชุดแม่ชี เราเป็น โรงงานผลิตโดยตรง
ตัดเย็บปราณีต ทรงสวย เรียบหรู ดูสง่างดงาม
ผลิตจาก ผ้าฝ้ายแท้ 100% เกรดพรีเมียม

ชุดปฏิบัติธรรม ชุดขาวไปวัด ชุดแม่ชี
– ราคาแยกรายชิ้น –
ทอย้อมจากโรงงานอุตสาหกรรมชั้นดี
พร้อมส่งทุกไซส์
(กรณีสั่งตัดไซส์พิเศษ รอผลิต 7-10 วัน)
จัดส่งฟรี‼ เมื่อลูกค้าโอนชำระ
มีบริการเก็บเงินปลายทาง (+ตัวละ 10.-)

รับตัดชุดขาวไซส์ใหญ่พิเศษ
หมดกังวล หาไซส์ไม่ได้ ทางร้านเป็นโรงงานผลิตโดยตรง
สามารถสั่งตัดชุดได้ตามความต้องการ รอผลิต 7-10 วันทำการ

ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ

สัมผัสประสบการณ์ใหม่
จากผ้าฝ้ายแท้ 100%
 นุ่มสบาย ไม่ร้อน ไม่ระคายคือง
ใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การคัดสรรเนื้อผ้า
การตัดเย็บ รวมไปถึงการจัดส่งแบบปกติ
และจัดส่งเร่งด่วน (Kerry EMS Grab)

ชุดขาวปฎิบัติธรรม ชุดขาวหญิง ชุดแม่ชี คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด

ชุดปฎิบัติธรรมชาย คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด


ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ







8
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/



9
ตรวจอาการด้วยตนเอง: ไข้เลือดออก

ไข้เลือดออก เป็นโรคติดเชื้อที่พบได้บ่อยมากโรคหนึ่ง ซึ่งพบได้ในทุกกลุ่มอายุ พบมากสุดในกลุ่มเด็กอายุ 5-14 ปี รองลงมา 15-24 ปี และ 0-4 ปีตามลำดับ

โรคนี้พบได้ตลอดทั้งปี และทั่วทุกภาค โดยจำนวนผู้ป่วยเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตอนต้นเดือนพฤษภาคม จนมีจำนวนสูงสุดในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงกลางฤดูฝน แล้วเริ่มมีแนวโน้มลดลงตอนปลายเดือนตุลาคม โรคนี้มีแนวโน้มเกิดการระบาดปีเว้นปี หรือปีเว้น 2 ปี

สาเหตุ

เกิดจากเชื้อไวรัสเด็งกี (dengue virus) ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 สายพันธุ์ ได้แก่ 1, 2, 3 และ 4

โดยทั่วไปเมื่อได้รับเชื้อไวรัสเด็งกีเข้าไปครั้งแรก (สามารถติดเชื้อตั้งแต่อายุได้ 6 เดือนขึ้นไป) โดยมีระยะฟักตัวประมาณ 3-15 วัน (ส่วนมาก 5-7 วัน) ผู้ป่วยจะมีไข้สูงคล้ายไข้หวัดใหญ่อยู่ 5-7 วัน และส่วนมากจะไม่มีอาการเลือดออก มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่อาจมีเลือดออก หรือมีอาการรุนแรง เรียกว่า ไข้เด็งกี (dengue fever/DF)*

ต่อมาเมื่อผู้ป่วยได้รับเชื้อซ้ำอีก (ซึ่งอาจเป็นเชื้อเด็งกีชนิดเดียวกัน หรือคนละชนิดกับที่ได้รับครั้งแรกก็ได้ และมีระยะฟักตัวสั้นกว่าครั้งแรก) ร่างกายก็จะเกิดปฏิกิริยาทำให้หลอดเลือดฝอยเปราะ และเกล็ดเลือดต่ำ จึงทำให้พลาสมา (น้ำเลือด) ไหลซึมออกจากหลอดเลือด (ตรวจพบระดับฮีมาโตคริตสูง มีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอดและช่องท้อง) และมีเลือดออกง่าย เป็นเหตุให้เกิดภาวะช็อก

โดยทั่วไปการติดเชื้อครั้งหลัง ๆ ที่ทำให้เกิดอาการรุนแรง มักจะเกิดขึ้นภายหลังการติดเชื้อครั้งแรกประมาณ 6 เดือนถึง 5 ปี มักจะทิ้งช่วงไม่เกิน 5 ปี ด้วยเหตุนี้ไข้เลือดออกที่มีอาการรุนแรง จึงมักพบในเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปีมากกว่าในวัยอื่น

โรคนี้มียุงลายบ้าน (Aedes aegypti) เป็นพาหะนำโรค กล่าวคือ ยุงลายจะกัดคนที่เป็นไข้เลือดออกก่อน แล้วจึงไปกัดคนที่อยู่ใกล้เคียง (ในรัศมีไม่เกิน 400 เมตร) ก็จะแพร่เชื้อให้คนอื่น ๆ ต่อไป ยุงชนิดนี้ชอบเพาะพันธุ์ตามแหล่งน้ำนิ่งในบริเวณบ้าน เช่น ตุ่มน้ำ โอ่งน้ำ จานรองตู้กับข้าว แจกัน ฝากะลา กระป๋อง หลุมที่มีน้ำขัง เป็นต้น เป็นยุงที่ออกหากิน (กัดคน) ทั้งในกลางวันและกลางคืน
 

ยุงลาย

* ไข้เด็งกี (dengue fever) เกิดจากการติดเชื้อเด็งกีครั้งแรกในชีวิต ส่วนใหญ่มักไม่มีอาการแสดง หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย จัดว่าเป็นโรคที่ไม่รุนแรง ซึ่งมักหายได้เองเป็นส่วนใหญ่แม้จะไม่ได้ใช้ยา หรือเพียงให้ยาบรรเทาตามอาการ เนื่องเพราะเป็นการติดเชื้อไวรัสซึ่งไม่มียารักษาจำเพาะ

อาการที่พบได้ก็คือ มีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา ปวดเมื่อยตามตัวคล้ายไข้หวัดใหญ่ โดยมักไม่มีอาการเป็นหวัดเจ็บคอแบบไข้หวัด ผู้ป่วยอาจมีผื่นแดงเล็กคล้ายหัดขึ้นตามตัว (ซึ่งบางรายอาจมีอาการคัน) บางรายอาจมีจุดแดง (จุดเลือดออก) ตามผิวหนัง

บางรายเมื่อทำการทดสอบทูร์นิเคต์อาจให้ผลบวก การตรวจเลือดพบว่าเม็ดเลือดขาวต่ำ และบางรายอาจพบเกล็ดเลือดต่ำ

โรคนี้มักหายได้เองภายใน 1 สัปดาห์ โดยที่ผู้ป่วยอาจรักษาตัวเองอยู่ที่บ้าน หรือหากไปพบแพทย์ แพทย์ก็จะวินิจฉัยจากอาการ (โดยไม่ได้ทำการทดสอบทูร์นิเคต์ และไม่ได้ตรวจเลือด) ว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ หรือโรคติดเชื้อไวรัสชนิดอื่น ๆ (เช่น ไข้ปวดข้อยุงลาย ไข้ซิกา) เพียงให้การรักษาตามอาการและติดตามสังเกตอาการ ซึ่งมักจะไม่ได้วินิจฉัยว่าเป็นไข้เด็งกี

ผู้ป่วยที่เคยติดเชื้อเด็งกีครั้งแรก จึงมักจะไม่รู้ว่าตัวเองเคยติดเชื้อเด็งกี หากในเวลาต่อมาเกิดการติดเชื้อเด็งกีซ้ำ ก็จะกลายเป็นไข้เลือดออกได้

อาการ

อาการของไข้เลือดออกแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่

ระยะที่ 1 ระยะไข้สูง ผู้ป่วยจะมีไข้สูงฉับพลัน ซึ่งมักมีลักษณะไข้สูงลอยตลอดเวลา หรือกินยาลดไข้ก็มักจะไม่ทุเลา

มักมีอาการหน้าแดง ตาแดง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย นอนซม เบื่ออาหาร 

บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องในบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือชายโครงขวา หรือปวดท้องทั่วไป ท้องผูกหรือถ่ายเหลว 

ส่วนมากมักจะไม่ค่อยมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล หรือไอมากอย่างผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดหรือออกหัด แต่บางรายอาจมีอาการเจ็บคอ คอแดงเล็กน้อย หรือไอบ้างเล็กน้อย

ในราววันที่ 3 ของไข้ อาจมีผื่นแดงขึ้นตามแขนขาและลำตัว ซึ่งจะเป็นอยู่ 2-3 วัน บางรายอาจมีจุดเลือดออก มีลักษณะเป็นจุดแดงเล็ก ๆ (บางครั้งอาจมีจ้ำเขียวด้วยก็ได้) ขึ้นตามหน้า แขน ขา ซอกรักแร้ ในช่องปาก (เพดานปาก กระพุ้งแก้ม ลิ้นไก่)

ในระยะนี้อาจคลำพบตับโต และมีอาการกดเจ็บเล็กน้อย

การทดสอบทูร์นิเคต์* ส่วนใหญ่จะให้ผลบวกตั้งแต่วันที่ 2 ของไข้ และในวงกลมเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว มักจะพบมีจุดเลือดออกมากกว่า 10-20 จุดเสมอ

ผู้ป่วยจะมีไข้สูงลอยอยู่ประมาณ 2-7 วัน ถ้าไม่มีอาการรุนแรง ส่วนมากไข้ก็จะลดลงในวันที่ 5-7 บางราย อาจมีไข้เกิน 7 วันได้

แต่ถ้าเป็นมาก ก็จะปรากฏอาการระยะที่ 2

ระยะที่ 2 ระยะช็อกและมีเลือดออก มักจะพบในไข้เลือดออกที่เกิดจากเชื้อเด็งกีที่มีความรุนแรงขั้นที่ 3 และ 4

อาการจะเกิดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 3-7 ของโรค ซึ่งถือว่าเป็นช่วงวิกฤติของโรค

อาการไข้จะเริ่มลดลง แต่ผู้ป่วยกลับมีอาการทรุดหนัก มีอาการปวดท้องและอาเจียนบ่อยขึ้น ซึมมากขึ้น กระสับกระส่าย ตัวเย็น มือเท้าเย็น เหงื่อออก ปัสสาวะออกน้อย ชีพจรเต้นเบาแต่เร็ว (อาจมากกว่า 120 ครั้ง/นาที) และความดันต่ำ ซึ่งเป็นอาการของภาวะช็อก ภาวะนี้เกิดขึ้นเนื่องจากพลาสมาไหลซึมออกจากหลอดเลือด ทำให้ปริมาตรของเลือดลดลงมาก ถ้าเป็นรุนแรงผู้ป่วยอาจมีอาการไม่ค่อยรู้สึกตัว ตัวเย็นชืด ปากเขียว ชีพจรคลำไม่ได้ และความดันตกจนวัดไม่ได้ หากไม่ได้รับการรักษาได้ทันท่วงที ก็อาจตายได้ภายใน 1-2 วัน

นอกจากนี้ ผู้ป่วยยังอาจมีอาการเลือดออกตามผิวหนัง (มีจ้ำเขียวพรายย้ำขึ้น) เลือดกำเดาไหล อาเจียนเป็นเลือดสด ๆ หรือเป็นสีกาแฟ ถ่ายอุจจาระเป็นเลือดสด ๆ หรือเป็นสีน้ำมันดิบ ๆ ถ้าเลือดออกมักทำให้เกิดภาวะช็อกรุนแรง และผู้ป่วยเสียชีวิตในเวลารวดเร็ว

ระยะที่ 2 นี้จะกินเวลาประมาณ 24-72 ชั่วโมง ถ้าหากผู้ป่วยสามารถผ่านช่วงวิกฤติไปได้ ก็จะเข้าสู่ระยะที่ 3

ระยะที่ 3 ระยะฟื้นตัว ในรายที่มีภาวะช็อกไม่รุนแรง เมื่อผ่านช่วงวิกฤติไปแล้วก็จะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือแม้แต่ผู้ป่วยที่มีภาวะช็อกรุนแรง เมื่อได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงทีก็จะฟื้นตัวสู่สภาพปกติ อาการที่ส่อว่าดีขึ้นก็คือ ผู้ป่วยจะเริ่มอยากกินอาหาร แล้วอาการต่าง ๆ จะกลับคืนสู่สภาพปกติ ระยะนี้อาจกินเวลา 7-10 วัน หลังผ่านระยะที่ 2

รวมเวลาตั้งแต่เริ่มป่วยเป็นไข้จนแข็งแรงดีประมาณ 7-14 วัน ในรายที่มีอาการเพียงเล็กน้อย อาจเป็นอยู่ 3-4 วันก็หายได้เอง ส่วนอาการไข้ (ตัวร้อน) อาจเป็นอยู่ 2-7 วัน บางรายอาจนาน 10 วันก็ได้

ความรุนแรงของไข้เลือดออก

ไข้เลือดออกแบ่งระดับความรุนแรงเป็น 4 ขั้น ได้แก่

ขั้นที่ 1 (เกรด 1) มีไข้และมีอาการแสดงทั่ว ๆ ไปที่ไม่เฉพาะเจาะจง อาการแสดงของการมีเลือดออกมีเพียงอย่างเดียว คือ มีจุดแดง ๆ ตามผิวหนังโดยไม่มีอาการเลือดออกอย่างอื่น ๆ และการทดสอบทูร์นิเคต์ให้ผลบวก

ขั้นที่ 2 (เกรด 2) มีอาการเพิ่มจากขั้นที่ 1 คือ มีเลือดออกเอง อาจออกเป็นจ้ำเลือดที่ใต้ผิวหนัง หรือเลือดออกจากที่อื่น ๆ เช่น อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด แต่ยังไม่มีภาวะช็อก ชีพจรและความดันโลหิตยังปกติ

ขั้นที่ 3 (เกรด 3) มีอาการแสดงของภาวะช็อก เช่น กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น เหงื่อออก ชีพจรเร็วและเบา ความดันต่ำ หรือมีความแตกต่างระหว่างความดันช่วงบนและความดันช่วงล่าง ซึ่งเรียกว่า แรงชีพจร** (pulse pressure) น้อยกว่า 30 มม.ปรอท (เช่น ความดันช่วงบน 80 ช่วงล่าง 60)

ขั้นที่ 4 (เกรด 4) มีภาวะช็อกอย่างรุนแรง ชีพจรเบาและเร็วจนจับไม่ได้ ความดันตกจนวัดไม่ได้ และ/หรือมีเลือดออกมาก เช่น อาเจียนหรือถ่ายเป็นเลือดมาก

ไข้เลือดออกที่มีความรุนแรง ถึงขั้นที่ 3 และ 4 พบได้ประมาณร้อยละ 20-30 ที่เหลืออีกร้อยละ 70-80 จะแสดงอาการในขั้นที่ 1 และ 2

การเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วยตามขั้นต่าง ๆ จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้น จึงควรดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ การเปลี่ยนจากขั้นที่ 2 มาขั้น 3 และ 4 ควรจับชีพจร วัดความดันโลหิต และถ้าเป็นไปได้ควรตรวจหาความเข้มข้นของเลือดโดยการเจาะเลือดตรวจฮีมาโทคริต และตรวจนับคำนวณเกล็ดเลือดเป็นระยะ

*การทดสอบทูร์นิเคต์ (tourniquet test) โดยใช้เครื่องวัดความดันรัดเหนือข้อศอกของผู้ป่วยด้วยค่าความดันกึ่งกลางระหว่างความดันช่วงบนและความดันช่วงล่างของคนคนนั้น (ความดันช่วงบนบวกความดันช่วงล่างหารสอง) เป็นเวลานาน 5 นาที
ถ้าไม่มีเครื่องวัดความดัน ให้ใช้ยางหนังสติ๊กรัดเหนือข้อศอกให้แน่นเล็กน้อย (ยังพอคลำชีพจรที่ข้อมือได้) นาน 5 นาที
ถ้าพบมีจุดเลือดออก (จุดแดง) เกิดขึ้นที่บริเวณท้องแขนใต้ตำแหน่งที่รัดเป็นจำนวนมากกว่า 10 จุดในวงกลมเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว (เท่ากับเหรียญบาทโดยประมาณ) แสดงว่าการทดสอบได้ผลบวก ถ้าน้อยกว่า 10 จุดก็ถือว่าได้ผลลบ
ในผู้ป่วยไข้เลือดออก การทดสอบนี้จะได้ผลบวกได้มากกว่าร้อยละ 80 ตั้งแต่เริ่มมีไข้ได้ 2 วันเป็นต้นไป ใน 1-2 วันแรกอาจให้ผลลบ
คนที่เป็นโรคเลือดที่มีเกล็ดเลือดต่ำ เช่น ไอทีพี โลหิตจางอะพลาสติก หรือคนที่เป็นไข้หวัด หรือไข้อื่น ๆ ก็อาจให้ผลบวกได้เช่นกัน
ผู้ป่วยไข้เลือดออกที่มีภาวะช็อก การทดสอบนี้อาจให้ผลลบได้
 

การทดสอบทูร์นิเคต์
 

**แรงชีพจร (ความดันชีพจร) ในคนปกติจะอยู่ระหว่าง 30-50 มม.ปรอท ถ้าน้อยกว่า 30 เรียกว่า "แรงชีพจรแคบ" เช่น 120/100, 90/70, 80/70 เป็นต้น ถ้ามากกว่า 50 เรียกว่า "แรงชีพจรกว้าง" เช่น 160/90, 150/70 เป็นต้น

ภาวะแทรกซ้อน

ที่ร้ายแรงถึงทำให้เสียชีวิตได้ ได้แก่ ภาวะเลือดออกรุนแรง (ถ้ามีเลือดออกในกระเพาะอาหารจำนวนมาก หรือมีเลือดออกในสมอง มักมีอัตราตายสูง) ภาวะช็อก และภาวะอวัยวะล้มเหลว (เช่น ตับวาย ไตวาย หัวใจวาย การหายใจล้มเหลว) ซึ่งมักพบในผู้ป่วยที่มีภาวะช็อกอยู่นาน

นอกจากนี้ อาจเป็นปอดอักเสบ (อาจมีภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอดร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้) สมองอักเสบ หลอดลมอักเสบ หรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบแทรกซ้อนได้ แต่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก

ผู้หญิงตั้งครรภ์ อาจเสี่ยงต่อการแท้งบุตร ทารกเสียชีวิตในครรภ์ คลอดก่อนกำหนด  หรือทารกแรกเกิดมีน้ำหนักตัวน้อย

ในกรณีที่ผู้ป่วยไข้เลือดออกได้รับน้ำเกลือเข้าทางหลอดเลือดดำมากไป อาจเกิดภาวะปอดบวมน้ำ (pulmonary edema) เป็นอันตรายได้ ดังนั้นเวลาให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด ควรตรวจดูอาการอย่างใกล้ชิด

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย

สิ่งตรวจพบที่สำคัญ ได้แก่ ไข้สูง (39-40 องศาเซลเซียส ซึ่งมักจะเป็นอยู่ตลอดเวลา) หน้าแดง เปลือกตาแดง นอนซม

อาจคลำได้ตับโต กดเจ็บ มีผื่นแดงหรือจุดแดงจ้ำเขียวตามตัว การทดสอบทูนิเคต์ให้ผลบวก (อาจให้ผลลบในวันแรก ๆ ของไข้)

ในรายที่เป็นรุนแรง (มีความรุนแรงขั้นที่ 3 และ4) จะตรวจพบภาวะช็อก (มีอาการกระสับกระส่าย มือเท้าเย็น เหงื่อออก ชีพจรเร็วและเบา ความดันต่ำหรือมีความแตกต่างระหว่างความดันช่วงบนและความดันช่วงล่างน้อยกว่า 30 มม.ปรอท) บางรายอาจตรวจพบอาการเลือดออก (เช่น เลือดกำเดาไหลอาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด)

ในรายที่ยังวินิจฉัยจากอาการและการตรวจร่างกายไม่ได้แน่ชัด แพทย์จะทำการตรวจเลือด พบเม็ดเลือดขาวมีจำนวนต่ำกว่าปกติ (ต่ำกว่า 5,000 เซลล์ต่อเลือด 1 ลูกบาศก์มิลลิเมตร), เกล็ดเลือดมีจำนวนต่ำกว่าปกติ (ต่ำกว่า 150,000 ตัวต่อเลือด 1ลูกบาศก์มิลลิเมตร), ฮีมาโทคริต (ซึ่งวัดระดับความเข้มของเลือด) สูงกว่าปกติ เนื่องจากพลาสมาไหลซึมออกจากหลอดเลือด ทำให้ปริมาตรของเลือดลดลง

ในการวินิจฉัยโรคนี้ให้ชัดเจน แพทย์จะทำการตรวจหาเชื้อในเลือด (ด้วยวิธี NS1 หรือ PCR ซึ่งจะให้ผลที่ดีสำหรับผู้ที่มีอาการไข้ 1-3 วัน) สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไข้ตั้งแต่ 4 วันขึ้นไป แพทย์อาจทำการทดสอบทางน้ำเหลือง เพื่อดูสารภูมิต้านทานต่อเชื้อไข้เลือดออกโดยวิธี ELISA (สามารถทราบผลจากการตรวจเพียงครั้งเดียว) หรือวิธี hemagglutination inhibition (HI ซึ่งต้องตรวจ 2 ครั้ง ห่างกัน 2 สัปดาห์)

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ถ้าอาการไม่รุนแรง (มีอาการในขั้นที่ 1) คือเพียงแต่มีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร โดยยังไม่มีอาการเลือดออกหรือมีภาวะช็อก จะให้การรักษาตามอาการ ดังนี้

    ให้ผู้ป่วยพักผ่อนมาก ๆ
    หากมีไข้สูง ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวบ่อย ๆ และให้ยาลดไข้-พาราเซตามอล คำนวณขนาดตามน้ำหนักตัวหรือตามอายุ ให้ได้ไม่เกิน 4 ครั้งใน 24 ชั่วโมง ห้ามให้แอสไพริน เพราะอาจทำให้มีเลือดออกได้ง่ายขึ้น หรืออาจทำให้เกิดโรคเรย์ซินโดรมได้ และห้ามให้ยาลดไข้กลุ่มยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (เช่น ไอบูโพรเฟน) เพราะอาจทำให้มีเลือดออกได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ให้ยาลดไข้ บางครั้งไข้ก็อาจจะไม่ลดก็ได้ ระวังอย่าให้พาราเซตามอลถี่กว่ากำหนด อาจมีพิษต่อตับได้
    ให้อาหารอ่อน ๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก นม น้ำหวาน
    ให้ดื่มน้ำมาก ๆ จนปัสสาวะออกมากและใส อาจเป็นน้ำเปล่า น้ำผลไม้ น้ำอัดลม (ควรเขย่าฟองออกก่อน) หรือสารละลายน้ำตาล เกลือแร่
    เฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด อาจต้องนัดผู้ป่วยมาตรวจดูอาการทุกวัน ตรวจจับชีพจร วัดความดัน และตรวจดูอาการเลือดออก รวมทั้งทดสอบทูร์นิเคต์ ถ้าวันแรก ๆ ให้ผลลบ ก็จะทำซ้ำในวันต่อ ๆ มา

2. ถ้าผู้ป่วยมีอาการอาเจียนมาก มีภาวะขาดน้ำ ช็อก หรือเลือดออก (มีอาการในขั้นที่ 2-4) แพทย์จะรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล ทำการเจาะเลือดตรวจวัดระดับฮีมาโทคริต (ดูความเข้มข้นของเลือดเป็นระยะ ๆ ถ้าเลือดข้นมากไป เช่น ฮีมาโทคริตมีค่ามากกว่า 50% ขึ้นไป ก็แสดงว่าปริมาตรของเลือดลดน้อย) นับจำนวนเม็ดเลือดขาว และจำนวนเกล็ดเลือด (พบว่าต่ำกว่าปกติทั้งคู่ เกล็ดเลือดจะเริ่มต่ำประมาณวันที่ 3-4 ของไข้ โรคยิ่งรุนแรงเกล็ดเลือดจะยิ่งต่ำมาก)

นอกจากนี้ อาจทำการตรวจอื่น ๆ เช่น อิเล็กโทรไลต์ในเลือด ตรวจการทำงานของตับ (มักพบ AST และ ALT สูง) ตรวจภาวะการแข็งตัวของเลือด (congulation study) ตรวจปัสสาวะ เอกซเรย์ปอด เป็นต้น

แพทย์จะทำการรักษา โดยให้น้ำเกลือรักษาภาวะช็อกหรือภาวะขาดน้ำ ถ้าจำเป็นอาจให้พลาสมาหรือสารแทนพลาสมา (เช่น แอลบูมินหรือเดกซ์แทรน) ให้เลือดถ้ามีเลือดออก และรักษาภาวะแทรกซ้อนที่ตรวจพบ

ผลการรักษา ส่วนใหญ่หายได้เป็นปกติภายใน 1-2  สัปดาห์ ส่วนน้อยมากที่อาจเสียชีวิต (เฉลี่ยในผู้ป่วย 1,000 คน มีการเสียชีวิตประมาณ 1 คน) จากภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น เลือดออกรุนแรง มีภาวะช็อก อวัยวะล้มเหลว (เช่น ตับวาย ไตวาย หัวใจวาย การหายใจล้มเหลว) มีการติดเชื้อแทรกซ้อน เป็นต้น ผู้ที่เสียชีวิตมักมีปัจจัยเสี่ยง เช่น มีโรคประจำตัว (เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเลือด โรคพิษสุราเรื้อรัง เป็นต้น) อายุต่ำกว่า 1 ปี กินยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (เช่น ไอบูโพรเฟน) เข้ารับการรักษาช้า หรือปล่อยให้มีอาการรุนแรงค่อยมาพบแพทย์

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีไข้สูงหรือมีไข้ตลอดเวลาร่วมกับอาการเบื่ออาหาร นอนซม หรือมีไข้ในช่วงที่มีคนในละแวกใกล้เคียงเป็นไข้เลือดออก ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นไข้เลือดออก ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    กินยาลดไข้-พาราเซตามอลตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร แม้ว่ากินยาแล้วไข้ไม่ยอมลดก็ห้ามกินถี่กว่าที่แนะนำ เพราะการใช้ยานี้มากเกินอาจมีพิษต่อตับได้
    หลีกเลี่ยงการซื้อยาใช้เอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาลดไข้-แอสไพริน และยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (เช่น ไอบูโพรเฟน) เพราะอาจทำให้เลือดออกง่าย
    ให้อาหารอ่อน ๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก นม น้ำหวาน (ควรหลีกเลี่ยงน้ำที่มีสีแดง เพราะหากอาเจียนอาจทำให้แยกไม่ออกว่าเป็นการอาเจียนออกเป็นเลือดหรือเป็นน้ำที่ดื่ม)
    ให้ดื่มน้ำมาก ๆ จนปัสสาวะออกมากและใส อาจเป็นน้ำเปล่า น้ำผลไม้ น้ำอัดลม (ควรเขย่าฟองออกก่อน และหลีกเลี่ยงน้ำที่ออกสีเข้ม) หรือสารละลายน้ำตาลเกลือแร่


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีไข้นานเกิน 1 สัปดาห์ หรือมีอาการหนาวสั่นมาก
    ปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก กระสับกระส่าย หรือซึมมาก
    หายใจหอบ
    ปวดท้องตรงยอดอกหรือลิ้นปี่
    ซีด ตาเหลืองตัวเหลือง เบื่ออาหารมาก หรือดื่มน้ำได้น้อย
    มือเท้าเย็นชืด มีเหงื่อออกและท่าทางไม่สบายมาก
    มีจุดแดงจ้ำเลือดขึ้นตามตัว
    มีเลือดออก เช่น เลือดกำเดาไหล อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด เป็นต้น
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

1. ทำลายแหล่งเพาะพันธ์ยุงลาย เช่น

    ปิดฝาโอ่งน้ำหรือภาชนะใส่น้ำให้มิดชิด ป้องกันไม่ให้ยุงเล็ดลอดเข้าไปวางไข่ได้ ด้วยฝาอะลูมิเนียม ผ้า ตาข่ายไนล่อน หรือวัสดุอื่น
    เปลี่ยนน้ำในแจกันทุก 7 วัน สำหรับแจกันพลูด่างต้องใช้น้ำชะล้างไข่หรือลูกน้ำที่เกาะติดตามรากพลูด่างและข้างในแจกัน
    เปลี่ยนน้ำในจานรองตู้กับข้าวทุก 7 วัน หรือใส่น้ำเดือดลงไปในจานรองตู้กับข้าวทุก 7 วัน หรือใส่น้ำส้มสายชู ผงซักฟอก หรือเกลือแกงในน้ำที่อยู่ในจานรองตู้ (ใช้เกลือขนาด 2 ช้อนชา/น้ำ 1 แก้ว)
    จานรองกระถางต้นไม้ ควรใส่ทรายธรรมดาให้ลึก 3 ใน 4 ส่วนของจานขนาดใหญ่ หรือเทน้ำที่ขังอยู่ในจานขนาดเล็กทิ้งทุก 7 วัน
    ควรเก็บกระป๋อง ฝาขวด (ฝาเบียร์) กะลา ยางรถยนต์เก่า ๆ หรือสิ่งที่จะเป็นที่ขังน้ำ ซึ่งอยู่ในบริเวณบ้าน โรงเรียน และแหล่งชุมชน ทำลายหรือฝังดินให้หมด
    ยางรถยนต์เก่าถ้าไม่โยนทิ้งควรหาทางปกคลุม หรือเจาะรูระบายไม่ให้น้ำขัง หรือนำมาทำเป็นที่ปลูกต้นไม้หรือพืชผักสวนครัว เครื่องใช้ (เช่น ที่ทิ้งขยะ เก้าอี้) แต่จะต้องดัดแปลงยางรถยนต์ให้ขังน้ำไม่ได้
    ปรับพื้นบ้านและสนามอย่าให้เป็นหลุมเป็นบ่อที่มีน้ำขังได้
    กำจัดลูกน้ำยุงลายด้วยการใส่ทรายอะเบต (abate)* ลงในตุ่มน้ำและภาชนะกักเก็บน้ำทุกชนิด
    เลี้ยงปลาหางนกยูงไว้กินลูกน้ำในภาชนะที่ใส่น้ำสำหรับใช้ (ไม่ใช่น้ำสำหรับบริโภค) ในอ่างบัว หรืออ่างปลูกต้นไม้น้ำ โดยใส่ปลาหางนกยูง 2-10 ตัวต่อภาชนะ ควรใส่เฉพาะปลาตัวผู้เพื่อคุมปริมาณปลาหางนกยูง

2. หาวิธีป้องกันอย่าให้ยุงลายกัด ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน เช่น ใส่เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวเวลาออกนอกบ้าน, อยู่ในห้องที่มีมุ้งลวด หรือให้เด็กเล็กนอนกางมุ้ง, ใช้ยาทากันยุงทาตามตัวเวลาอยู่ในที่ที่มียุง เป็นต้น

3. ปัจจุบันมีวัคซีนที่ใช้ฉีดป้องกันโรคไข้เลือดออก มีการรายงานว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนจนครบจำนวน 3 เข็ม (ซึ่งแต่ละเข็มห่างกัน 6 เดือน) สามารถป้องกันโรคไข้เลือดออกได้เป็นระยะเวลา 5-6 ปี โดยมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคนี้จากเชื้อเด็งกีทั้ง 4 สายพันธุ์ได้ราวร้อยละ 65 และลดความรุนแรงของโรคได้ราวร้อยละ 93 ทั้งนี้ แพทย์จะฉีดให้เฉพาะผู้ที่เคยติดเชื้อเด็งกีมาก่อน

สำหรับผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อเด็งกีมาก่อนแพทย์จะไม่แนะนำให้ฉีด เนื่องจากเมื่อฉีดไปแล้ว หากมีการติดเชื้อเด็งกี มีโอกาสเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นไข้เลือดออกที่รุนแรง และการนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล

เนื่องจากวัคซีนไข้เลือดออกยังมีราคาแพง และมีข้อระมัดระวังในการใช้ ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาตัดสินใจในการฉีดวัคซีนชนิดนี้

*ใส่ทรายอะเบต (abate) ชนิด 1% ในอัตราส่วน 10 กรัม/น้ำ 100 ลิตร (ตุ่มมังกรขนาด 8 ปีบ ใช้อะเบต 2 ช้อนชา ตุ่มซีเมนต์ขนาด 12 ปีบ ใช้อะเบต 2.5 ช้อนชา) ควรเติมใหม่ทุก 2-3 เดือน น้ำที่ใส่ทรายอะเบตสามารถใช้ดื่มกินได้อย่างปลอดภัย

ข้อแนะนำ

1. ไข้เลือดออกมักแยกออกจากไข้หวัดได้ โดยที่ไข้เลือดออกมักไม่มีอาการคัดจมูกน้ำมูกไหล อาจมีไข้สูงหน้าแดง ตาแดง หรือมีผื่นขึ้นคล้ายหัด แต่แยกออกจากหัดได้ โดยหัดจะมีน้ำมูกและไอมากและตรวจพบจุดค๊อปลิก

นอกจากนี้อาการไข้สูงโดยไม่มีน้ำมูก ยังอาจทำให้ดูคล้ายไข้ผื่นกุหลาบในทารก ไข้หวัดใหญ่ ไทฟอยด์ มาลาเรีย ตับอักเสบจากไวรัสระยะแรก เล็ปโตสไปโรซิส เป็นต้น (ตรวจอาการไข้)

ในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี อาจมาด้วยอาการไข้สูงร่วมกับชักก็ได้

ดังนั้นในช่วงฤดูฝนหรือในช่วงที่มีการระบาดของไข้เลือดออก ถ้าพบผู้ที่มีอาการไข้สูงเฉียบพลัน ไม่ว่าเด็กเล็กหรือผู้ใหญ่ ควรทำการทดสอบทูร์นิเคต์ หรือตรวจพิเศษเพิ่มเติม เพื่อพิสูจน์ไข้เลือดออกทุกราย

2. ไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อไวรัส จึงไม่มียาที่ใช้รักษาโดยเฉพาะ

ประมาณร้อยละ 70-80 ของผู้ที่เป็นไข้เลือดออก จะมีอาการเพียงเล็กน้อยและหายได้เองภายในประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพียงแต่ให้การรักษาตามอาการ และให้ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อป้องกันภาวะช็อกก็เพียงพอ ไม่ต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล ไม่ต้องฉีดยาให้น้ำเกลือ หรือให้ยาพิเศษแต่อย่างใด รวมทั้งไม่ต้องให้ยาปฏิชีวนะและสเตียรอยด์

ประมาณร้อยละ 20-30 ที่อาจมีภาวะช็อกหรือเลือดออก ซึ่งก็มีทางรักษาให้หายได้ด้วยการให้น้ำเกลือหรือให้เลือด มีเพียงส่วนเล็กน้อยเท่านั้นอาจรุนแรงมากจนเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะถ้าพบในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว อาจมีอัตราตายสูงกว่ากลุ่มอื่น ๆ

3. ระยะวิกฤติของโรคนี้คือวันที่ 3-7 ของไข้ ซึ่งผู้ป่วยอาจมีภาวะช็อกหรือเลือดออกได้ ดังนั้นจึงควรเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ถ้าพ้นระยะนี้ไปได้ก็ถือว่าปลอดภัย

4. ผู้ที่เป็นไข้เลือดออกในระยะแรก ถ้ามีอาการปวดท้อง อาเจียนมาก หรือเบื่ออาหาร (ดื่มน้ำได้น้อย) อาจมีภาวะช็อกตามมาได้ ดังนั้นถ้าพบอาการเหล่านี้ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ ควรพยายามให้ดื่มน้ำให้มาก ๆ ถ้าดื่มไม่ได้ควรแนะนำไปโรงพยาบาล อาจต้องให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ และเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด

5. เนื่องจากเชื้อไข้เลือดออกมีอยู่หลายชนิด ดังนั้นคนเราจึงอาจติดเชื้อไข้เลือดออกได้หลายครั้ง แต่ส่วนมากจะมีอาการคล้ายไข้หวัด แล้วหายได้เอง ส่วนน้อยที่อาจเป็นรุนแรงถึงช็อก และแต่ละคนจะมีโอกาสเป็นไข้เลือดออกชนิดรุนแรงเพียงครั้งเดียว (หรืออย่างมากไม่ควรเกิน 2 ครั้งในชั่วชีวิต) ที่จะเป็นรุนแรงซ้ำ ๆ กันหลายครั้งนั้นนับว่ามีน้อยมาก

6. ผู้ที่เป็นไข้เลือดออก สามารถให้พาราเซตามอลเพื่อลดไข้ได้ แต่ควรแยกแยะอาการตัวเย็นจากยาลดไข้ให้ออกจากภาวะช็อก กล่าวคือ ถ้าตัวเย็นเนื่องจากยาลดไข้ ผู้ป่วยจะดูสบายดีและหน้าตาแจ่มใส แต่ถ้าตัวเย็นจากภาวะช็อก ผู้ป่วยจะซึมหรือกระสับกระส่าย

อย่างไรก็ตาม ควรย้ำให้ผู้ป่วยและญาติทราบว่าการใช้ยาลดไข้อาจไม่ทำให้ไข้ลด ถ้าไข้ไม่ลดก็ให้เช็ดตัวด้วยน้ำเย็น อย่าให้พาราเซตามอลเกินขนาดที่กำหนด ถ้าให้มากไปหรือถี่เกินไป อาจมีพิษต่อตับถึงขั้นอันตรายได้ และอย่าหันไปใช้ยาลดไข้ชนิดอื่น เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน หรือยี่ห้ออื่น ๆ ที่ไม่ใช่ประกอบด้วยยาพาราเซตามอลล้วน ๆ (โดยอ่านดูฉลากยาให้แน่ใจ) เพราะยาแก้ไข้อื่น ๆ อาจมีอันตรายต่อผู้ป่วยไข้เลือดออกได้

7. ในรายที่จำเป็นต้องให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ ควรให้ด้วยความระมัดระวัง อย่าให้น้อยไปหรือมากไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีภาวะวิกฤติประมาณ 24-48 ชั่วโมง จำเป็นต้องตรวจวัดระดับฮีมาโทคริต อย่างใกล้ชิด และปรับปริมาณและความเร็วของน้ำเกลือที่ให้ตามความรุนแรงของผู้ป่วย ต้องระวังการให้น้ำเกลือมากหรือเร็วเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะปอดบวมน้ำ เป็นอันตรายได้

10
ขายรถไมล์น้อย Toyota Yaris Cross HEV Smart 2024 (สีเทา) พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ

โตโยต้า Toyota Yaris Cross HEV Smart ปี 2023
TOYOTA YARIS CROSS HEV SMART ยนตรกรรม SUV ไฮบริดใหม่ล่าสุด ที่ผสมผสานการใช้งานแบบ “URBAN x ADVENTURE” ตอบสนองการขับขี่ในเมืองที่คล่องแคล่ว สนุกสนาน และสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดดเด่นด้วยฟังก์ชันอำนวยความสะดวก และอุปกรณ์ความปลอดภัยระดับ Top Class ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไฮบริด 2NR-VEX ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i แบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน เกียร์อัตโนมัติ e-CVT ให้อัตราเร่งดี ห้องโดยสารเงียบ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อัตราการปล่อย CO2 ต่ำประหยัดน้ำมันที่สุดในคลาสถึง 26.3 กม./ลิตร (อ้างอิงจาก Eco Sticker)

(ภาพประกอบเป็นของรุ่น HEV Premium)

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 1 พ.ย. - 30 พ.ย. 2567
รับประกันเครื่องยนต์+เกียร์ 3 ปี 100,000 กิโลเมตร และ แบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี
รถชนหนักหรือน้ำท่วมยินดีรับซื้อคืน

ราคาพิเศษ 699,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์              Toyota
   รุ่น                   โตโยต้า Toyota Yaris Cross HEV Smart ปี 2023
   ประเภทรถ          รถอเนกประสงค์ SUV, รถไฮบริด
   ปีที่เปิดตัว           2023



11
townhouse ไลโอ 2 รังสิต - คลอง 2 (Lio 2 Rangsit - Khlong 2)
เริ่มต้น 2 ลบ. 

ไลโอ 2 รังสิต - คลอง 2 (Lio 2 Rangsit - Khlong 2)
พบกับทาวน์โฮมหรูดีไซน์ใหม่ French Colonial Style ด้วยพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ โดดเด่นด้วยฟังก์ชันที่ลงตัว และสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน เดินทางสะดวก ใกล้ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดง (สถานีรังสิต)

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ          ไลโอ 2 รังสิต - คลอง 2 (Lio 2 Rangsit - Khlong 2)
 เจ้าของโครงการ     ลลิลพร็อพเพอร์ตี้
 แบรนด์ย่อย           ไลโอ
 ราคา                  เริ่มต้น 2 ลบ.

 ประเภทบ้าน          ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม (Townhouse Townhome)
 ลักษณะทำเล         บ้านใกล้เมือง
 พื้นที่โครงการ        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนบ้าน           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 แบบบ้านทั้งหมด      2 แบบ
  เนื้อที่บ้าน            โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 พื้นที่ใช้สอย           ตั้งแต่ 105 ถึง 125 ตร.ม.
 จำนวนชั้น             2 ชั้น
 หน้ากว้าง              โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน       ตั้งแต่ 3 ถึง 4 ห้อง
 จำนวนที่จอดรถ       ตั้งแแต่ 1 ถึง 2 คัน
 สาธารณูปโภค          สวนสาธารณะ, คลับเฮาส์, ฟิตเนส, รปภ., CCTV, Keycard System, Co-working space

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน      ปทุมธานี, คลองหลวง, ธัญบุรี, ลำลูกกา
 ที่ตั้ง     ซอย รังสิต-นครนายก 31 ตำบล คลองสอง อำเภอคลองหลวง ปทุมธานี 12120

 ขนส่งสาธารณะ              ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม, สถานี(บางซื่อ - รังสิต)(รังสิต)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
Future Park รังสิต
Market Village & Home Pro รังสิต
เซียร์ รังสิต
Max Value รังสิต-คลอง 2
Makro คลองหลวง
Lotus คลองหลวง
Central Plaza รามอินทรา
โรงเรียนโชคชัย รังสิต
โรงเรียนสารสาสน์วิเทศ คลองหลวง
โรงเรียนนานาชาติสยาม
มหาวิทยาลัยรังสิต
มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
โรงพยาบาลบางประกอก รังสิต
โรงพยาบาลเปาโล รังสิต
โรงพยาบาลภัทรธนบุรี
โรงพยาบาลสินแพทย์ ลำลูกกา
โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ รังสิต

12
บริการด้านอาหาร: กินอย่างไร เมื่อเป็นโรคตับแข็ง!!

การรับประทานอาหาร เป็นเรื่องที่เราจะต้องมีในชีวิตประจำวันของทุกคน แต่จะมีสักกี่คนที่ให้ความสำคัญกับการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือใส่ใจทุกขั้นตอนในการเลือกวัตถุดิบที่จะนำมาประกอบอาหาร แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่มักจะเลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ เพราะเขาใส่ใจในเรื่องของอาหารการกิน เพราะเห็นถึงความสำคัญของการมีสุขภาพที่ดี ทำให้คนกลุ่มนี้มีสุขภาพที่แข็งแรง และไม่ป่วยง่าย


ดังนั้น พฤติกรรมการรับประทานอาหารในประจำวันของแต่ละคน ย่อมเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ในทางกลับกัน ถ้ามีพฤติกรรมที่ตามใจปาก หรือชอบรับประทานอหารจุกจิกหรืออาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หากมีพฤติกรรมที่คุ้นชินอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะทำให้โรคภัยไข้เจ็บถามหาอย่างแน่นอน จนนำไปสู่ความเจ็บป่วยจากการเป็นโรคใดโรคหนึ่ง ซึ่งเมื่อเกิดโรคขึ้นมาแล้ว ก็อาจจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตของเรา ทำให้เราจะต้องระมัดระวังในเรื่องของการรับประทานมากกว่าปกติ หรือบางคนอาจจะเกิดภาวะเบื่ออาหาร จนทำให้เกิดการขาดสารอาหารได้ ก็จะทำให้ร่างกายของเรายิ่งแย่ลงไปอีก

ดังนั้น วันนี้ทางเราจะมาพูดถึงการรับประทานอาหารสำหรับคนป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคตับแข็ง เชื่อว่าหลายคนคงทราบดีว่า การเกิดโรคตับแข็งนั้น มีสาเหตุมาจากการที่เราดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเป็นเวลานาน แต่การเกิดโรคตับแข็งนั้น ก็มีสาเหตุมาจากการรับประทานอาหารได้ด้วยเช่นกัน โรคตับแข็งเป็นโรคเรื้อรังที่ทำให้เกิดการสูญเสียโครงสร้างของตับ โดยปกติเนื้อตับจะนุ่ม แต่ถ้ามีอาการ อักเสบหรืออันตรายต่อตับ เนื้อตับจะถูกทำลายกลายเป็นพังผืดลักษณะคล้ายแผล ซึ่งจะทำให้ไปเบียดเนื้อ ตับที่ดี และทำให้เลือดไปเลี้ยงตับน้อยลง ถ้ามีการทำลาย เซลล์ตับอย่างเรื้อรังจนมีพังผืดเกิดขึ้นมาก เนื้อตับที่เคยนุ่มจะค่อยๆ แข็งขึ้น จนกลายเป็น “ตับแข็ง” ในที่สุด ส่งผลให้สมรรถภาพการทำงานของตับลดลง ซึ่งนำมาสู่สุขภาพร่างกายแย่ลงด้วย

โดยปกติแล้ว คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับ โดยเฉพาะเนื้อตับที่ถูกทำลายอย่างตับแข็ง ทำให้สารอาหารต่างๆ ที่กินเข้าไปไม่ถูกเผาผลาญและนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ร่างกายจึงได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ คนเป็นโรคตับแข็งส่วนใหญ่จึงมักมีปัญหาการขาดโปรตีนและพลังงาน สังเกตได้จากคนเป็นโรคตับแข็งส่วนใหญ่จะผอมแห้ง มีกล้ามเนื้อน้อย ในบางคนอาจมีลักษณะหนังหุ้มกระดูก ดังนั้น ผู้ป่วยโรคตับควรได้รับพลังงานให้เพียงพอ เพราะมีความสำคัญที่จะทำให้โปรตีนที่กินเข้าไปได้ใช้ประโยชน์ อย่างเต็มที่ในการสร้างสารที่จำเป็น แหล่งพลังงาน จากอาหารที่สำคัญควรได้มาจากอาหารคาร์โบไฮเดรตจำพวกข้าวและแป้งเป็นหลัก ซึ่งดีกว่าได้พลังงานจาก ไขมันหรือน้ำตาล ถ้าให้ดีควรกินคาร์โบไฮเดรตประเภทเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท ต่อมาอาหารประเภทไขมัน เพราะผู้ป่วยโรคตับแข็งมีปัญหาด้านการย่อยและดูดซึมไขมันทั่วไปในอาหาร ดังนั้น อาจลดไขมันที่ใช้ตามปกติในอาหาร และทดแทนด้วย น้ำมันเอ็มซีที คือ น้ำมันที่มีกรดไขมันที่มีโมเลกุลยาวปานกลาง เนื่องจากไม่ต้องการน้ำดีในการย่อย

สามารถดูดซึมเข้าสู่ตับได้โดยตรง และควรที่จะรับประทานวิตามินด้วย เนื่องจากผู้ป่วยมีปัญหาด้านการย่อย การดูดซึม และการเก็บวิตามินหลายชนิดในตับ ดังนั้น วิตามินที่ได้รับจากอาหารอาจไม่เพียงพอ จำเป็นที่แพทย์ต้องสั่งเสริมทั้ง วิตามินที่ละลายในไขมันและวิตามินที่ละลายน้ำ คือ B1, B2, B6, B12 และกรดโฟลิก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดของคนเป็นโรคตับแข็ง ต้องเลิกดื่มเหล้าโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันไม่ให้เซลล์ตับส่วนที่ยังดีอยู่ ถูกทำลายมากขึ้น เพราะตับเป็นแหล่งเผาผลาญที่สำคัญของแอลกอฮอล์ ตับจึงเป็นอวัยวะที่ได้รับพิษจากเหล้ามากที่สุด


อาการของตับแข็งจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ทุกข์ทรมานและมีชีวิตสั้นลง และโรคตับแข็งเป็นโรคเรื้อรังและไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ สิ่งที่ดีที่สุดคือการรู้จักดูแลสุขภาพ หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ โดยเฉพาะการหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ถ้าอยู่ในภาวะโรคนี้แล้ว การใส่ใจและรู้จักรับประทานอาหารให้เหมาะสมก็จะช่วยชะลอความรุนแรงของโรคได้


อย่างไรก็ตาม การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และรับประทานในแต่ละหมู่ให้มีความหลากหลาย  ไม่จำเจอยู่เพียงอาหารไม่กี่ชนิด  เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารต่างๆ ครบในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย และต้องใส่ใจในเรื่องของการรับประทานอาหารมากขึ้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพของเรา ดังนั้น ทางเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี ซึ่งเน้นย้ำมาตลอดให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และที่สำคัญควรจะหมั่นออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงเพื่อจะได้มีสุขภาพที่ดี

13
จัดฟันบางนา: อาหารมีความสำคัญต่อสุขภาพช่องปากของเด็กอย่างไร

สุขภาพช่องปากที่ดีนั้น หลายคนอาจจะคิดถึงแค่เพียงฟันที่เรียงตัวสวยงามเมื่อยิ้ม แต่รู้หรือไม่ว่าช่องปากนั้นยังรวมไปถึง เหงือก ลิ้น ระบบประสาท กระพุ้งแก้ม กล้ามเนื้อที่คอยบดเคี้ยวอาหารยังรวมไปถึงข้อต่อและขากรรไกร เพื่อให้มีการรับประทานที่มีประสิทธิภาพ อวัยวะทั้งหลายเหล่านี้ล้วนทำงานสอดคล้องกัน ดังนั้นการมีสุขภาพช่องปากที่ดีนั้นไม่ได้หมายถึงการที่ไม่มีโรคเกี่ยวกับฟันเท่านั้นแต่หมายถึงภาวะที่ปราศจากโรคของฟันเหงือกและอวัยวะอื่น ๆที่เกี่ยวข้องกับระบบการบดเคี้ยว ไม่มีการเจ็บ ไม่ปวด รวมไปถึงความผิดปกติอื่น ๆ เช่นกรณีแผลในช่องปากหรือมีหนอง การมีกินปากหรือแม้กระทั่งเนื้องอกต่าง ๆในช่องปาก

ซึ่งการมีสุขภาพช่องปากที่ดีจะส่งผลทำให้คุณภาพชีวิตดีด้วย นั่นก็คือการรับประทานอาหารได้อย่างปกติและมีความสุข ซึ่งจะทำให้เจริญอาหารและมีสุขภาพที่ดี เราจะต้องทำอย่างไร เพื่อให้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี หลักๆคือต้องอาศัยความใส่ใจรักษาความสะอาดของช่องปากให้ได้ นั่นคือการแปรงฟันด้วยยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์อย่างน้อยวันละ 2 ครั้งและใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ รวมถึงในเรื่องของอาหารกันกินด้วย ควรจะใส่ใจเรื่องอาหาร เช่น ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีลักษณะเหนียวและแข็งบ่อย เนื่องจากว่าช่องปากจะต้องทำงานหนักซึ่งอาจจะมีผลทำให้ขากรรไกรมีการปวดได้ ยังไม่รวมถึงทำให้ฟันสึกกร่อน และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือพฤติกรรมการรับประทานอาหารจุกจิก ทำให้ฟันของเราน่าสัมผัสอาหารบ่อยขึ้นอาจจะส่งผลทำให้ปวดหัวมีโอกาสผุมากขึ้น

 ในวัยเด็กนั้นต้องการพลังงานมากเป็นพิเศษ จึงมักจะหิวบ่อยและต้องการกินอาหารว่างและขนมในระหว่างมื้ออาหาร ซึ่งของว่างเหล่านั้นเป็นตัวการสำคัญที่เป็นเหตุทำให้เกิดฟันผุ ของว่างขนมเหล่านี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายแต่กลับมีผล เสียต่อฟัน ทำให้เกิดโรคฟันผุ นอกจากนี้การที่ร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไปในช่วงก่อนอาหาร จะเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดชั่วคราว เป็นผลทำให้ไม่อยากอาหารและกินอาหารได้น้อยกว่าปกติ ทางเลือกอื่นสำหรับสำหรับเด็ก ซึ่งทราบดีว่าต้องการอาหารประเภทโปรตีนมาก และอาหารประเภทโปรตีนนี้ไม่มีผล ต่อฟันเสียด้วย คุณเริ่มต้นเสริมสร้างอุปนิสัยในการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์แก่เด็กในวัยนี้เช่น ปลาหมึก หมูปิ้ง ลูกชิ้น น่องไก่ย่าง เพื่อทดแทนอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลดังกล่าว

นอกจากนี้อาหารประเภทถั่วชนิดต่าง ๆ เช่น ถั่วลิสง ถั่วปากอ้าทอด ข้าวโพดฝักจะไม่ทำให้เกิดฟันผุแล้ว การใช้ฟันทำหน้าที่บทเคี้ยวอาหารตามสมควรในการกินอาหารโปรตีนเหล่านี้ยังเป็นการบริหารเหงือกและฟัน เป็นการกระตุ้นการงอกของฟันถาวร ในรายที่กำลังจะมีการผลัดฟันน้ำนม อาหารเหล่านี้ยังกระตุ้นการเจริญเติบโตของขากรรไกรและใบหน้าให้ได้สัดส่วน ซึ่งอาจจะมีผลในการลดสภาวะฟันเกซ้อนได้ในบางกรณี นอกเหนือไปจากการป้องกันโรคฟันผุด้วย

 จะเห็นได้ว่าอาหารเนื่องจากมีผลต่อร่างกายทั้งระบบแล้วยังมีผลต่อสุขภาพในช่องปาก โดยเฉพาะต่อฟันในเด็ก ยังพบว่าอาหารฟันและสุขภาพทั่วไปนั้นมีความเกี่ยวข้องกันเป็นวัฏจักร หรือวงจรที่เป็นประโยชน์ให้คุณต่อร่างกายได้แก่ ฟันดี ไม่ผุ เคี้ยวอาหารได้ดี ร่างกายจะได้รับสารอาหารครบถ้วน ถูกต้อง เหมาะสมร่างกายจึงแข็งแรงเติบโต แต่ถ้าหากเป็นวัฏจักรที่เป็นโทษ กล่าวคือฟันผุ ปวดฟัน ไม่อยากเคี้ยวอาหารทำให้ได้รับอาหารไม่ครบส่วน ร่างกายไม่แข็งแรงและเจริญเติบโตไม่เต็มที่

การมีสุขภาพช่องปากที่ดีนั้นควรพบทันตแพทย์ทุก ๆ 6 เดือนเพื่อให้ตรวจสุขภาพช่องปากของเรายังอยู่ในสภาวะปกติหรือไม่หากเจอปัญหาจะได้ช่วยแก้ ใครปัญหาแต่เนิ่น ๆ แต่หากปล่อยปัญหาไว้เป็นระยะเวลายาวนานบางครั้งปัญหาในช่องปากเราอาจจะไม่รู้ตัว รู้อีกทีก็สายไปเมื่อมาพบทันตแพทย์อีกครั้งนั้นอาจจะรักษายากขึ้นหรือไม่สามารถรักษาให้ฟันซี่นั้นนั้นกลับมาสู่ภาวะปกติดังเดิมได้ ผู้ปกครองสามารถรับคำปรึกษาที่คลินิก เรามีทันตแพทย์ที่เชี่ยวชาญในเรื่องสุขภาพช่องปากของวัยเด็กได้อย่างครบถ้วน

14
วัดกลางบางพระ จ.นครปฐม ทำบุญไหว้หลวงพ่อสมหวัง ขอโชคลาภ เสริมดวง

หากเอ่ยถึงนครปฐม หลายคนจะนึกภาพขององค์พระปฐมเจดีย์ สัญลักษณ์อันโดดเด่นของจังหวัด แต่วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับอีกหนึ่งสถานที่ที่ผู้คนนิยมเดินทางไปสักการะ หลวงพ่อสมหวัง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อใหญ่ เพราะเชื่อกันว่าจะประสบความสำเร็จสมหวังดังปรารถนา นั่นก็คือ วัดกลางบางพระ วัดเก่าแก่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ไปดูสิว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

วัดกลางบางพระ ตั้งอยู่ที่ไหน
           วัดกลางบางพระ ตั้งอยู่ที่หมู่ 4 ตำบลบางพระ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ห่างจากวู้ดแลนด์เมืองไม้ สถานที่ท่องเที่ยวนครปฐมชื่อดัง เพียง 7 กิโลเมตร และไกลจากกรุงเทพฯ (อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย) ประมาณ 50 กิโลเมตร เรียกว่าเป็นที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ มาก ๆ

    Google Map : วัดกลางบางพระ

ประวัติวัดกลางบางพระ
           วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2326 สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ มีเรื่องเล่ากันว่า ในปี พ.ศ. 2300 พม่าได้เข้าตีกรุงศรีอยุธยา ทั้งข้าราชบริพาร ชาวบ้าน พระพุทธปฏิมากร และต้นศรีมหาโพธิ์ ถูกอพยพและย้ายไปโดยทางเรือจากแม่น้ำเจ้าพระยามาจนถึงคลองบางพระ ระหว่างทางเกิดพายุทำให้เรือล่ม พระพุทธปฏิมากรจมน้ำ แต่ต้นศรีมหาโพธิ์ลอยตามน้ำจากคลองบางพระไปจนถึงตำบลศรีมหาโพธิ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ดอนและได้โตขึ้นในบริเวณนั้น ต่อมาวัดได้ถูกสร้างขึ้นบริเวณที่พระพุทธปฏิมากรจมน้ำ ตรงกลางระหว่างวัดบางพระกับวัดศรีมหาโพธิ์ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ วัดกลางบางพระ

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดกลางบางพระ
           ภายในวัดกลางบางพระประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ได้สักการะขอพรเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น

หลวงพ่อสมหวัง วัดกลางบางพระ
         หลวงพ่อสมหวัง พระพุทธรูปปางมารวิชัย หรือสะดุ้งมาร ก่ออิฐถือปูน หุ้มด้วยกระเบื้องโมเสก จัดสร้างโดยดำริของพระครูสุนทรวุฒิคุณ (หลวงพ่อพุฒ สุนทโร) เมื่อปี พ.ศ. 2524 ตามนิมิตคำบอกกล่าวของเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขนาดหน้าตักกว้าง 15 เมตร 39 เซนติเมตร สูง 30 เมตร 39 เซนติเมตร ยกฐานขึ้นจากพื้นดินประมาณ 6 เมตร มีซุ้มหอระฆังประดับทิศทั้ง 4 ทิศ ภายในบรรจุมวลสารแผ่นชนวนต่าง ๆ ประกอบพิธีพุทธาภิเษก พร้อมอัญเชิญพระพุทธรูป 9 นิ้ว 99 องค์ บรรจุไว้ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้กราบไหว้ เดิมทีเรียก หลวงพ่อใหญ่ แต่ต่อมาคณะสาธุชน ศิษย์หลวงพ่อสมหวัง มาบนบานและสมหวัง จึงนำของมาแก้บนมากมาย

คำบูชาหลวงพ่อสมหวัง วัดกลางบางพระ

     ตั้งนะโม 3 จบ
     กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา มะเหสักขายะ
     เทวะตายะ อะภิปาลิตัง อิทธิปาฏิหาริกัง
     พุทธะมัชฌิมาราเม สมิชฌิตาสะพุทธะปฏิมัง ปูเชมิหัง
     ยาวชีวัญจะ สุกัมมิโก สุขะปัตถิตายะ
     ตั้งจิตอธิษฐาน กราบขอพรพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ผู้ยังความสมหวังให้สำเร็จได้

คาถาหลวงพ่อสมหวัง วัดกลางบางพระ

     ตั้งนะโม 3 จบ
     อิติสุคโต สะมิชฌิตาสะพุทโธ นะโมพุทธายะ หลวงพ่อสมหวัง สมดังปรารถนา เงินทองไหลมา นะชาลีติ กิจการก้าวหน้า แคล้วคลาดปลอดภัย ค้าขายร่ำรวย เฮงตลอดปี ดีตลอดไป

จุดขอพร หลวงพ่อสมหวัง วัดกลางบางพระ (บริเวณองค์พระ)

          ข้าพเจ้าชื่อ...นามสกุล...เป็นผู้มีศรัทธาต่อพระรัตนตรัย ต่อหลวงพ่อสมหวัง และเทวาอารักษ์ ผู้สถิตอยู่ ณ พุทธสถานนี้
ข้าพเจ้ามีความปรารถนาที่จะขอพรหลวงพ่อสมหวัง ดังต่อไปนี้
     1. ………
     2. ………
     3. ………
          ขอให้หลวงพ่อสมหวังและเทวาอารักษ์ ผู้สถิตอยู่ ณ พุทธสถานแห่งนี้ จงดลจิตดลใจของข้าพเจ้า ได้สร้างแต่กรรมดี สร้างบารมีของคนให้พ้นภัยพาล มีมนุษย์สมบัติที่สมบูรณ์ มงคลดีทั้งหลายจงมีแก่ข้าพเจ้า กิจการก้าวหน้า แคล้วคลาดปลอดภัย ค้าขายร่ำรวย ความเจ็บขออย่าได้ ความไข้ขออย่ามี จะทำกิจใด ขอให้สำเร็จสมหวังทุก ๆ ประการเทอญ
     เสร็จแล้วนำมือขวาไปแตะที่พระหัตถ์ของหลวงพ่อสมหวัง พร้อมกับกล่าวคำว่าสาธุ 3 ครั้ง
     (เมื่ออธิษฐานขอพรจบ ให้ไปอธิษฐานรับพรที่จุดรับพรด้านล่าง เพื่อความสำเร็จสมหวังดังปรารถนา)


จุดรับพร หลวงพ่อสมหวัง วัดกลางบางพระ (ข้างล่างบริเวณด้านหน้าองค์พระ)

     นั่งคุกเข่า (กราบ 3 ครั้ง) ตั้งนะโม 3 จบ แล้วตั้งจิตอธิษฐาน

     พรใดอันประเสริฐ ที่หลวงพ่อสมหวัง

     และเทวาอารักษ์ที่ปกปักรักษาพุทธสถานแห่งนี้

     ได้ประสิทธิ์ประสาทพรให้ ข้าพเจ้าขอน้อมรับ

     พรอันประเสริฐนั้น จงสำเร็จเกิดมี สมหวัง

     แก่ข้าพเจ้า ในการครั้งนี้เทอญ (กราบ 3 ครั้ง)


วิธีแก้บนหลวงพ่อสมหวัง วัดกลางบางพระ

          ผู้ที่มากราบไหว้หลวงพ่อสมหวังจะมาขอพรให้ประสบความสำเร็จในเรื่องต่าง ๆ ทั้งในเรื่องของความรัก ให้ครอบครัวมีความมั่นคง ให้พบคู่ครอง หากสำเร็จก็มาแก้บนด้วยหัวหมู รวมทั้งยังขอพรเรื่องการงาน ธุรกิจ โชคลาภและเงินทอง หากสมหวังก็จะนำไข่ไก่มาถวายเป็นจำนวนมาก

          ของแก้บน : ไข่ไก่ ไข่เป็ด ข้าวสาร และหัวหมู เพื่อทางวัดจะนำไปมอบต่อให้โรงพยาบาล โรงเรียน และชุมชนใกล้วัด รวมถึงนำไปประกอบอาหารแจกผู้มาทำบุญที่วัด

หลวงพ่อทับทิม วัดกลางบางพระ
         หลวงพ่อทับทิม พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ทำด้วยหินทรายแดงแกะสลัก สมัยปลายอยุธยา มีพุทธลักษณะคล้ายกับหลวงพ่อโสธร คาดว่าน่าจะสร้างในสมัยเดียวกัน


เจดีย์พระเกศจุฬามณี
          ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สร้างด้วยทองเหลืองหล่อ มีลักษณะคล้ายทรงระฆังคว่ำ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 เมตร มียอดเป็นแบบสถูปอินเดีย ประดิษฐาน ณ มณฑปพระเกศจุฬามณี วัดกลางบางพระ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2533 โดยมีหลวงพ่อพุฒเป็นประธานในการจัดสร้าง

สักการะสรีรสังขารหลวงพ่อพุฒ สุนทโร อดีตเจ้าอาวาสวัดกลางบางพระ

คาถาบูชาหลวงพ่อพุฒ สุนทโร

     อิติสุคะโต อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ
     สุนทโร อาจาริโย จะมหาลาโภ สัพพะสุขขัง
     จะมหาลาภัง สัพพะโภคัง สัพพะธะนัง ภะวันตุเม

นอกจากนี้ภายในวัดยังมีน้ำมนต์ใบเสมา น้ำมนต์ธรณีสาร ป้องกันคุณไสย เสนียดจัญไร สิ่งอัปมงคล ล้างอาถรรพ์ (ทำพิธีเดือนละ 4 ครั้ง) พิพิธภัณฑ์เปลือกหอยแปดล้านปี พิพิธภัณฑ์เครื่องมือเกษตรกรรมพื้นบ้านและของโบราณ และตลาดชุมชนเล็ก ๆ ที่ชาวบ้านนำผลิตผล​ทางการเกษตร​มาจำหน่าย เป็นต้น

15
motor show 2025: นอร์เวย์ทุบสถิติโลก ขาย EV ได้ 94% ของตลาดในประเทศ – Tesla ยังขายดีสุด

นอร์เวย์ ยังเป็นผู้นำของการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามาอย่างต่อเนื่อง และในเดือนสิงหาคม 2024 ที่ผ่านมา ยอดขายรถ EV ในนอร์เวย์ คิดเป็น 94.3% ของรถยนต์ใหม่ทั้งหมดที่จำหน่ายในประเทศ ซึ่งถือเป็นการทุบสถิติโลกครั้งใหม่
 
เดือนเดียว 10,000 คัน
 
หลายประเทศกำลังประสบปัญหายอดขาย EV ที่ไม่เติบโตอย่างที่คิดไว้ แต่สถิติจากชาวนอร์เวย์นั้นสวนทางและซื้อรถไฟฟ้ามากขึ้นเป็นประวัติการณ์ เพราะในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าถึง 10,480 คัน และจากทั้งหมด 68,435 คัน ในปีนี้ โดยปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศมีทั้งหมด 78,832 คัน

 
Top 10 รถไฟฟ้าขายดีนอร์เวย์
 
จากยอดขายรถไฟฟ้าทั้งหมดในเดือนสิงหาคม รถที่ขายดีที่สุดนั่นคือ Tesla Model Y เป็นจำนวนทั้งหมด 2,107 คัน ซึ่งคิดเป็น 19% ตามมาด้วย Volvo EX30 ที่ 932 คัน คิดเป็น 8.4% ตามมาด้วย Skoda Enyaq 720 คัน, Volkswagen ID.4 584 คัน, Toyota bZ4X 526 คัน, Audi Q4 e-tron 369 คัน และ Tesla Model 3 ที่ 367 คัน รวมถึงอีก 3 คันใน 10 อันดับ ได้แก่ VW ID.3, BMW i4, และ Nissan Ariya

 
เป้าหมายคือ รถไร้มลพิษ 100%
 
“ไม่มีประเทศใดในโลกที่สามารถแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้าได้ใกล้เคียงกับนอร์เวย์” ผู้อำนวยการสภาข้อมูลการจราจรทางถนนของนอร์เวย์ Oyvind Solberg Thorsen กล่าว
 
“เพื่อสานต่อสิ่งที่เป็นอยู่ เรากำลังดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายรถยนต์ไร้มลพิษ 100% ภายในปี 2025”
 
ทำไมชาวนอร์เวย์ถึงนิยมรถยนต์ไฟฟ้า
 
เหตุผลสำคัญที่ชาวนอร์เวย์นิยมซื้อรถยนต์ไฟฟ้านั้นเกิดจากการช่วยเหลือจากรัฐบาล ผู้ที่ซื้อหรือผ่อนรถ EV จะไม่ต้องจ่ายภาษีมลพิษและภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และยังได้รับส่วนลดภาษีรถยนต์ (road tax) และค่าทางด่วนลงอย่างน้อย 50% รวมถึงบางพื้นที่ยังให้ส่วนลดกับค่าจอดรถอีกด้วย
 

สวนทางประเทศอื่นในยุโรป
 
ขณะเดียวกัน สำหรับประเทศในสหภาพยุโรป กำลังประสบปัญหายอดขายรถ BEV ตกฮวบเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เนื่องด้วยราคารถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นและโครงสร้างพื้นฐานที่จำกัด โดยหันไปใช้รถยนต์ไฮบริดแทน

หน้า: [1] 2 3 ... 18






















































รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ทำ SEO ติด Google
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี

รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ

smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย

เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า