แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - siritidaphon

หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10 ... 54
106
คุณเคยรู้สึกว่าคุณใช้ชีวิตในแต่ละวันไม่สดชื่นบ้างหรือไม่ วันๆ คุณรู้สึกว่าตัวเองไม่มีแรง เหมือนมีแต่กายหยาบไร้จิตวิญญาณ ไร้สติ ซึ่งคงจะลำบากน่าดูที่ต้องทำงานหรือทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันด้วยสภาพนั้น เพราะมันอ่อนเพลีย ไร้เรี่ยวแรง และโหยหาเตียงนอนมากกว่าใดๆ ทั้งหมด ยิ่งถ้าคุณ Work from Home ด้วยแล้วล่ะก็ ไม่น่ารอด ที่คุณจะแอบอู้งานไปนอนจนงานไม่เสร็จ

จริงๆ แล้วเราทุกคนต่างเคยประสบกับเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วทั้งนั้น ส่วนใหญ่เราจะเรียกมันว่า “น้ำตาลตก” คุณจะไม่มีแรงทำงาน หรือทำอะไรแบบซังกะตาย โดยในช่วงนี้ คือช่วงที่ร่างกายของคุณเริ่มหมดพลังงาน จึงไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงและรู้สึกอ่อนเพลีย ซึ่งไม่เพียงแต่แสดงออกทางร่างกายเท่านั้น จิตใจคุณก็ห่อเหี่ยวตามไปด้วย

Elizabeth DeRobertis นักโภชนาการและผู้อำนวยการศูนย์โภชนาการ Scarsdale Medical Group ประจำโรงพยาบาลไวท์เพลนส์ กล่าวว่า “มีหลายวิธีที่เราสามารถเพิ่มพลังงานระหว่างวันได้ โดยเน้นไปที่การกินอาหารที่เหมาะสม และจังหวะเวลาของมื้ออาหารและช่วงของว่าง” เพื่อให้ร่างกายรักษาระดับพลังงานในการดำเนินชีวิตได้คงที่ตลอดวัน ซึ่งวิธีเหล่านี้คนส่วนใหญ่รู้ดีว่ามีผลดีต่อสุขภาพ แต่ก็ยังเลือกที่จะทำตรงกันข้าม

นักโภชนาการสถาบันโภชนาการและการควบคุมอาหาร ยังบอกอีกว่า “เพื่อผลที่ดีที่สุด คุณต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยอื่นๆ ที่จะบั่นทอนพลังงานของคุณด้วย เช่น การอดนอนและความเครียด”

1.    ว่าด้วยเรื่องการกิน

อาหารเป็นแหล่งพลังงานของร่างกาย เมื่อคุณกินอาหารเข้าไป จะผ่านกระบวนการย่อยและเผาผลาญ เปลี่ยนเป็นสารอาหารและพลังงานให้ร่างกาย อย่างไรก็ดี คุณจำเป็นต้องควบคุมการกินอาหารด้วย ไม่ใช่ว่าจะตามใจปากกินตามใจชอบ ซึ่งถ้าคุณต้องการให้ร่างกายกระฉับกระเฉงตลอดทั้งวัน คุณควรวางแผนการกินดังนี้

-    กินทุกๆ 3-4 ชั่วโมง เพื่อรักษาพลังงานให้คงที่ตลอดทั้งวัน การทิ้งช่วงมื้ออาหารนานเกินไปทำให้พลังงานตก ร่างกายจะเตือนให้คุณรู้เมื่อคุณรู้สึกหิว และระหว่างนั้นอาจทำให้คุณกินจุบกินจิบ ดังนั้น คุณควรกินอาหารให้ถี่ขึ้นทุกๆ 3-4 ชั่วโมง (เมื่อร่างกายส่งสัญญาณว่าหิว) โดยกินทีละน้อยๆ เน้นบ่อยๆ และไม่ใช่ว่าจะกินอะไรก็ได้ เลือกที่มีประโยชน์ด้วย
-    เน้นโปรตีน โปรตีนเป็นสารอาหารที่อยู่ท้อง อิ่มนาน เพราะใช้เวลาย่อยนานกว่าสารอาหารประเภทอื่น นอกจากนี้ โปรตีนยังช่วยเพิ่มรสชาติและเนื้อสัมผัสที่แตกต่างในมื้ออาหารด้วย
-    คาร์โบไฮเดรต เน้นอาหารที่ใยอาหารสูง เช่น ผลไม้และธัญพืชไม่ขัดสี โดยคาร์โบไฮเดรตจะเป็นสารอาหารที่ร่างกายใช้เวลาย่อยเร็วที่สุด เพิ่มพลังงานให้ร่างกายเร็วกว่าสารอาหารชนิดอื่นๆ แต่ใยอาหารจะทำให้การลำเลียงคาร์โบไฮเดรตช้าลง อิ่มนานขึ้น รักษาพลังงานไว้ได้นานขึ้น ภาวะน้ำตาลตกก็จะช้าลงตาม เมื่อระดับพลังงานคงที่ คุณก็จะไม่หิว ไม่อยากอาหารบ่อยๆ นั่นเอง
-    ขนมกินได้แต่ต้องเลือก ไม่ได้แปลว่าคุณจะกินขนมไม่ได้ แต่คุณอาจต้องเลือกกิน ซึ่งขนมที่อุดมด้วยสารอาหาร จะช่วยรักษาระดับพลังงานของคุณให้คงที่ หากมีขนม 2 อย่างที่แคลอรีเท่ากัน การเลือกขนมที่มีสารอาหารที่มีประโยชน์กว่าก็ส่งผลดีต่อร่างกายมากกว่าเช่นกัน ได้พลังงานและได้ประโยชน์ ดีกว่าขนมที่กินแล้วได้แต่แคลอรีอย่างเดียวแน่นอน


2.    ดื่มน้ำให้เพียงพอ

เมื่อร่างกายของคุณขาดน้ำหรือได้รับน้ำที่ไม่เพียงพอ หัวใจของคุณจะทำงานหนักในการสูบฉีดเลือด เนื่องจากเลือดคุณข้นหนืด ไหลเวียนไม่สะดวก ซึ่งเป็นสาเหตุให้คุณรู้สึกอ่อนเพลียได้ นอกจากนี้ยังส่งผลต่อระบบเผาผลาญและการลำเลียงสารอาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้ร่างกายอ่อนล้าไม่มีแรง เพราะได้รับพลังงานจากอาหารไม่เพียงพอ คุณสามารถเช็กการดื่มน้ำของตัวเองจากการปัสสาวะ หากคุณดื่มน้ำเพียงพอ คุณจะรู้สึกว่าต้องปัสสาวะทุกๆ 2-3 ชั่วโมงระหว่างวัน นอกจากนี้ให้สังเกตสีของปัสสาวะ หากสีเข้มมากคุณก็ดื่มน้ำน้อยเกินไป


3.    นอนหลับอย่างมีคุณภาพ

การที่คุณนอนหลายชั่วโมง ไม่ได้แปลว่าคุณพักผ่อนเพียงพอถ้าการนอนนั้นไม่มีคุณภาพ สังเกตได้จากคุณยังรู้สึกง่วงเหงาหาวนอนทั้งวันทั้งที่เข้านอนเร็วและ (คิดว่า) นอนหลายชั่วโมง การนอนหลับที่มีคุณภาพมีผลต่อระดับพลังงานในแต่ละวัน มีงานวิจัยบางชิ้นที่สนับสนุนว่าเมื่อคุณนอนหลับไม่เพียงพอ อาจทำให้ร่างกายดื้ออินซูลิน มีผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาล แต่ที่แน่ๆ ถ้าคุณพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้น้อยลง เมื่อพลังงานไม่พอ คุณก็มีแนวโน้มจะกินมากขึ้นเพื่อเพิ่มพลังงาน กินเท่าไรก็ไม่พอเพราะระบบเผาผลาญทำงานไม่ดี


4.    อย่าใช้คาเฟอีนเพื่อเพิ่มพลัง

คาเฟอีนช่วยกระตุ้นพลังได้ในระยะสั้นเท่านั้น เมื่อเวลาผ่านไป พลังงานของคุณก็จะค่อยๆ ผ่อนลง แต่ไม่ได้หมายความคุณจะดื่มกาแฟไม่ได้ เพียงแต่ต้องควบคุมปริมาณคาเฟอีนให้ได้วันละ 200 ถึง 300 มิลลิกรัม/วัน ซึ่งปริมาณจะเท่ากับกาแฟที่ชงแล้วประมาณ 2 แก้ว ฉะนั้น คุณสามารถดื่มกาแฟในตอนเช้าได้ตามปกติ ขอแค่อย่าดื่มมากจนเกินไป และต้องเว้นระยะห่างต่อแก้วให้พอดี สมดุลกับการกินอาหารและการดื่มน้ำเปล่า


5.    เพิ่มการออกกำลังกาย

การออกกำลังกาย นอกจากจะมีผลให้ร่างกายของคุณแข็งแรงแล้ว ยังช่วยกระตุ้นให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่า กระฉับกระเฉงได้ดีทีเดียว การออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟิน หรือฮอร์โมนแห่งความสุขออกมา นอกจากนี้ยังกระตุ้นการสูบฉีดเลือดให้ไหลเวียนได้ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายได้รับเลือดอย่างเต็มที่ ซึ่งจะมีผลต่อการควบคุมอินซูลิน ที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ เมื่อไม่รู้สึกว่าน้ำตาลตก คุณก็จะไม่รู้สึกเพลียหรืออ่อนล้าหมดแรง


6.    ควบคุมความเครียด

หากคุณเครียดมากเกินไป จะทำให้คุณรู้สึกอ่อนล้าและหมดพลังงานได้ ไม่เพียงเท่านั้น ความเครียดยังส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับ เมื่อคุณรู้สึกนอนไม่เต็มอิ่ม ก็ทำให้ยิ่งเหนื่อยและหงุดหงิด แล้วก็จะเครียดหนักกว่าเดิม ดังนั้น คุณจะต้องควบคุมระดับความเครียดของตนเองไม่ให้มีมากเกินไปจนรบกวนการใช้ชีวิต ซึ่งมีหลากหลายวิธี เช่น การทำงานอดิเรกที่คุณชื่นชอบ ฟังเพลง นอนหลับอย่างน้อย 7-9 ชั่วโมง จะช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลและความเครียดได้ แต่กุญแจสำคัญอยู่ที่คุณต้องเลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเอง


7.    ดูแลตัวเอง

ร่างกายของคุณ ถ้าคุณไม่ดูแลแล้วจะหวังให้ใครมาดูแล สุขภาพกายและสุขภาพจิตของคุณจะดีหรือแย่อยู่ที่การดูแลตัวเอง พลังงานที่ทำให้เราดำรงชีวิตได้มาจาก 2 ส่วน คือ พลังทางกายและพลังทางจิตใจ หากคุณรู้สึกว่าตัวเองเริ่มล้า คุณต้องระบุให้ได้ว่าต้องการเพิ่มพลังกายหรือพลังใจ หากต้องการพลังงานกายเพราะหิว คุณก็ไปหาอะไร (ที่มีประโยชน์) กิน ง่วงก็ไปงีบ เหนื่อยก็ดื่มน้ำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย แต่ถ้าต้องการพลังใจ คุณต้องหากิจกรรมที่ช่วยกำจัดพลังงานลบ ลองออกไปเดินรับอากาศบริสุทธิ์ หรือทำอะไรที่ออกแรงกายมากๆ เพื่อผ่อนความตึงเครียดลง


วิธีแก้ความอ่อนเพลีย ให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ตลอดวัน อ่านบทความเเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/products/

107
บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ยูโอบี เลดี้-ธนาคารยูโอบี (UOB)
ดอกเบี้ย : 0.250 %

จุดเด่น
บัญชีเงินฝากออมทรัพย์สำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดา เพศหญิง เท่านั้น
รับความคุ้มครองมะเร็งระยะลุกลามในสตรี สูงสุด 2 ล้านบาท และความคุ้มครองชีวิตสูงสุด 10,000 บาท ต่อคน  โดยคำนวณจากยอดเงินฝากเฉลี่ยย้อนหลัง 3 เดือนก่อนหน้าเดือนปัจจุบัน
รายละเอียดบัญชี
สถาบันการเงิน : ยูโอบี
ชื่อบัญชี : บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ยูโอบี เลดี้
จุดเด่น :
บัญชีเงินฝากออมทรัพย์สำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดา เพศหญิง เท่านั้น
รับความคุ้มครองมะเร็งระยะลุกลามในสตรี สูงสุด 2 ล้านบาท และความคุ้มครองชีวิตสูงสุด 10,000 บาท ต่อคน  โดยคำนวณจากยอดเงินฝากเฉลี่ยย้อนหลัง 3 เดือนก่อนหน้าเดือนปัจจุบัน
 
ลักษณะบัญชี : ไม่ต้องฝากทุกเดือน
ผู้มีสิทธิฝากและคุณสมบัติ : บุคคลธรรมดา (เพศหญิง)
เปิดบัญชีขั้นต่ำ : 1,000 บาท
ระยะเวลาฝากขั้นต่ำ : ไม่กำหนด
ประเภทอัตราดอกเบี้ย : แบบอัตราคงที่
อัตราดอกเบี้ย
ผู้ฝาก   ช่วงเงินฝากที่เลือก   ดอกเบี้ย
บุคคลธรรมดา
(เพศหญิง)   ทุกจำนวน   0.250 %
หมายเหตุ : อ้างอิงจากอัตราดอกเบี้ยธนาคารตามประกาศฉบับล่าสุด ดูได้ที่นี่
การจ่ายดอกเบี้ย :
จ่ายดอกเบี้ยเป็นรายเดือน โดยจ่ายทุกวันทำการสุดท้ายของเดือน

 
สิทธิการถอนก่อนกำหนด :
ถอนได้ โดยได้รับดอกเบี้ยตามจริง

 
ช่วงที่เปิดรับฝาก : ไม่กำหนด
เงื่อนไขสำคัญ :
ลูกค้าบุคคลธรรมดาเพศหญิง เปิดบัญชีอายุตั้งแต่ 15 - 60  ปีบริบูรณ์
จำกัด 1 บัญชีต่อท่าน บัญชีเดี่ยวเท่านั้น ไม่สามารถเปิดเป็นบัญชีร่วมได้
เปิดบัญชีเงินฝาก 1,000 บาทเป็นต้นไป
ผู้ฝากเงินจะได้รับวงเงินคุ้มครองการประกันชีวิตตามเงื่อนไขกรมธรรม์
ผู้ฝากเงินจะต้องมีสุขภาพดี และไม่เคยเป็นมะเร็งในอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งในมาก่อน
ความคุ้มครอง 7 โรคมะเร็งในผู้หญิงทุกระยะ ได้แก่ โรคมะเร็งมดลูก ปากมดลูก ปีกมดลูก รังไข่ ปากช่องคลอด ช่องคลอด และ เต้านม จะเริ่มต้นหลังจาก 90 วัน
นับจากวันที่เปิดบัญชี(เนื่องจำกมีระยะเวลำรอคอย) โดยผู้เปิดบัญชีจะเป็นผู้รับผลประโยชน์
รับความคุ้มครอง 2 เท่าของยอดเงินฝากเฉลี่ยย้อนหลัง 3 เดือน ก่อนเดือนที่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์และระบุว่าเป็นมะเร็ง คุ้มครองสูงสุดไม่เกิน 2 ล้ำนบาท
มูลค่าของเบี้ยประกันเทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่เพิ่มขึ้นประมาณ 0.54% ต่อปี ณ วันที่ 1 ก.ค. 2565
กรณีที่มีการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนไปแล้ว ถือว่าสิ้นสุดความคุ้มครอง
ในกรณีที่ปิดบัญชี หากเปิดบัญชีออมทรัพย์ยูโอบี เลดี้ ใหม่จะมีระยะเวลารอคอย 90 วันนับจำกวันที่เปิดบัญชี สำหรับควำมคุ้มครองมะเร็งในผู้หญิง
 
สอบถามเพิ่มเติม :
Tel. 0 2285 1555
 
คำแนะนำการใช้ข้อมูล :
อย่าฝากเงินโดยดูดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียวแต่ควรพิจารณาเงื่อนไข ความสะดวกและความมั่นคงของสถาบันการเงินประกอบทุกครั้ง
รายละเอียดที่นำเสนอเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น โปรดตรวจสอบอัตราดอกเบี้ย เงื่อนไขและรายละเอียดเกี่ยวกับบัญชีเงินฝากกับธนาคารทุกครั้งก่อนตัดสินใจ


money expo: บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ยูโอบี เลดี้-ธนาคารยูโอบี (UOB) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/moneyexpo/

108
หลายคนประสบปัญหาการสูญเสียฟันธรรมชาติ และเกิดอาการฟันล้ม หรือฟันห่าง หากไม่ได้รับการแก้ไข หรือรักษาอย่างถูกวิธี ซึ่งการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม ถือเป็นทางเลือกและวิธีการที่ดีที่สุดในการทดแทนฟันธรรมชาติที่ได้สูญเสียไป

แต่หลายคนเลือกที่จะปล่อยมันไว้โดยไม่เข้ารับการรักษา และอาจจะส่งผลเสียตามมาอย่างแน่นอน ไม่แม้แต่บริเวณฟันบริเวณใกล้เคียง อาจจะส่งผลได้ถึงฟันที่เหลืออยู่ทั่งปากได้ การรักษาด้วยการฝังรากฟันเทียม เป็นวิธีการรักษาด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัยกว่าการสวมใส่ฟันปลอมในสมัยก่อน ซึ่งการฝังรากฟันเทียม ยังส่งผลดีต่อกระดูขากรรไกรที่ใช้รองรับรากฟันเทียมด้วย ทำให้กระดูกไม่ละลาย และฟันบริเวณใกล้เคียงไม่ล้มด้วย


การรักษาด้วยการฝังรากฟันเทียม จึงมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงหากเทียบกับการที่ไม่ได้ทำการฝังรากฟันเทียม เพราะหากสูญเสียฟันธรรมชาติไปแล้วไม่ทำการแก้ไข รักษาตามขั้นตอน ก็จะทำให้ฟันล้ม ฟันห่าง ทำให้มีรอยยิ้มที่ไม่มั่นใจ และยังทำให้ฟันหลออีกด้วย รวมไปถึงกระดูกรากฟันที่ก็จะได้รับผลกระทบหากไม่ทำการฝังรากฟันเทียม โดยจะทำให้กระดูกละลาย และจะต้องแก้ปัญหาที่ยุ่งยากหากคิดเปลี่ยนใจฝังรากฟันเทียม เพราะจะต้องทำการปลูกกระดูก ก่อนการเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม

แต่หากคุณเข้ารับการฝังรากฟันเทียม เพื่อแก้ปัญหาการเกิดฟันล้ม หรือฟันหลอเป็นช่องว่าง จะทำให้คุณกลับมามีรอยยิ้มที่มั่นใจอีกครั้ง รวมไปถึงแก้ปัญหาฟันได้อย่างถูกต้อง บริเวณฟันโดยรอบจะไมได้รับผลกระทบจากการสูญเสียหัน


นอกจากนี้ทำให้กระดูกไม่ละลาย มีสุขภาพฟันที่ดีและแข็งแรง ทำให้รับประทานอาหารได้สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งการทำรากฟันเทียมนั้น มีข้อดีกว่าการใส่ฟันปลอม เนื่องจากยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้การรักษาด้วยการฝังรากฟันเทียมตอบโจมย์ผู้เข้ารับการรักษามากกว่า ดังนั้นหากผู้ที่สนใจเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม สามารถเข้ามาปรึกษาที่ทางคลีนิคได้ โดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการทำรากฟันเทียม

ที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน รวมไปถึงมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการรักษาและสถานที่การรักษาที่สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐานสากล จะทำให้ผู้เข้ารับการรักษามั่นใจได้ถึงการบริการที่คุณภาพอย่างแน่นอน

จัดฟันบางนา: ข้อแตกต่างระหว่าง ” ฝังรากฟันเทียม ” กับ “ไม่ฝังรากฟันเทียม” อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/category/จัดฟันบางนา/

109
ทางทีมงาน รถรับจ้างขนของสมุทรสาคร ขนส่ง ต้องขอขอบคุณผู้ใช้บริการทุกท่านที่ให้โอกาสให้รถรับจ้างของเราได้เข้าไปรับใช้ในการขนย้ายของในแต่ละประเภทงานซึ่งเราได้ปฏิบัติงาน และให้บริการอย่างมืออาชีพมีคุณภาพ ราคาที่ไม่แพง แก่ลูกค้าทุกท่านซึ่งวันนี้ทาง รถรับจ้างย้ายบ้านสมุทรสาคร ขนส่ง จึงอยากจะมาขอบคุณลูกค้าเป็นอย่างยิ่งที่สนับสนุนบริการขนย้ายขนย้ายที่ปลอดภัย รถรับจ้างขนของสมุทรสาคร ได้ราคาที่ถูก และคุ้มค่างานบริการ รับจ้างขนของสมุทรสาคร ตัวจริง ทุกครั้งเราจะรู้สึกว่า รถรับจ้างสมุทรสาคร ที่มีอยู่มากมายบนท้องถนนผู้ให้บริการรายไหนที่จะสามารถตอบโจทย์หรือ ให้บริการขนย้ายที่ดี


แต่ถ้าหาก เรายังไม่ได้ศึกษาข้อมูลการให้บริการ งานขนย้ายของต่างๆก่อนที่จะเรียกใช้บริการนั้นก็จะเป็นเรื่องที่ยาก ที่เราจะสามารถรับรู้ว่า งานขนย้ายในลักษณะนี้จะต้องเตรียมตัวและปฏิบัติตัวอย่างไรก่อนจ้างรถรับจ้างขนของเข้ามาให้บริการ โดยทั่วไปแล้ว รถรับจ้างที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น รถ 4 ล้อรับจ้างสมุทรสาคร รถกระบะรับจ้างขนของสมุทรสาคร รถ 6 ล้อรับจ้างสมุทรสาครสมุทรสาคร รถหกล้อรับจ้างขนของสมุทรสาคร รถรับจ้างย้ายบ้านสมุทรสาคร ขนย้ายคอนโด ขนย้ายสำนักงาน รถสิบล้อรับจ้างขนของสมุทรสาคร รถเฮี๊ยบรับจ้างสมุทรสาคร รับจ้าง ขน ของ ราคา ถูก

เนื่องจากทาง ทีมงานขนส่ง ต้องขอขอบพระคุณลูกค้าทุกคนที่ให้โอกาส เรียกใช้บริการรถรับจ้างขนของของเรา ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ที่ไหนเราสามารถให้บริการขนย้ายสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง เรามีบริการมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและเจ้าหน้าที่คอยเสนอราคาค่าขนย้ายให้กับลูกค้าในแต่ละชนิดในแต่ละประเภทจากรถรับจ้างที่หลากหลายนอกเหนือจากนี้ยังจะมี รถสิบล้อรับจ้าง รถเทรลเลอร์รับจ้าง รถรับจ้างขนย้ายบ้าน รถขนของทั่วไป รถกระบะ รถรับจ้าง 4 ล้อใหญ่ รถรับจ้าง 6 ล้อ เป็นต้นซึ่งการบริการของเรานั้นเน้นงานบริการที่ดีราคาไม่แพง


เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าไม่ว่าจะเป็นงาน ขนย้ายบ้าน ย้ายเฟอร์นิเจอร์ ย้ายเครื่องจักร ขนย้ายต้นไม้ ขนย้ายสินค้าทางการเกษตร ขนย้ายหอพัก ย้ายห้องหอ ย้ายคอนโด ก็สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่าง ไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะขนย้ายใกล้หรือไกล เราก็พร้อมที่จะให้บริการท่านเพียงแค่ท่านโทรมาหาเรา เราสามารถที่จะแจ้งราคาพร้อมยังให้ราคาพิเศษต่อรองได้อีกด้วยโทรมานะคะขอบคุณมากค่ะ



รถรับจ้างขนของกรุงเทพ รถรถรับจ้างทั่วประเทศ รถรับจ้างสมุทรสาคร รถรับจ้างดีๆมีมาตรฐาน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.rodrubjang-youservice.com/category/2

110
โพสขายของแบบไหนดี / โรคไตไม่ไกลตัว
« เมื่อ: วันที่ 17 มีนาคม 2024, 11:37:47 น. »
ไตเป็นอวัยวะสำคัญที่มีหน้าที่ขับของเสียและรักษาสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย ปัจจุบันคนไทยมีแนวโน้มป่วยเป็นโรคไตมากขึ้น โดยเฉพาะโรคไตเรื้อรัง ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักมาจากโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง เพราะฉะนั้นการดูแลสุขภาพไตให้ห่างไกลจากความเสื่อมเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย
รู้จักกับไต ในร่างกายของคนเรามีไตอยู่ 2 ข้าง มีลักษณะรูปร่างคล้ายเมล็ดถั่ว ทำหน้าที่กรองน้ำ เกลือแร่ สารเคมี และของเสียที่ร่างกายไม่ต้องการ แล้วขับออกมาทางปัสสาวะ

หน้าที่ของไต

    กำจัดของเสีย
    ดูดซึมและเก็บสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
    รักษาสมดุลน้ำของร่างกาย ขับน้ำส่วนเกินออกจากร่างกาย และดูดซึมกลับในภาวะขาดน้ำ
    รักษาสมดุลเกลือแร่ กรด ด่างของร่างกาย
    ควบคุมความดันโลหิต การเป็นโรคไต ทำให้ความดันโลหิตสูงได้
    ผลิตและควบคุมการทำงานของฮอร์โมน ไม่ว่าจะเป็น
        ฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการสร้างเม็ดเลือดแดง (Erythropoietin)
        ฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการควบคุมความดันโลหิต (Renin-Angiotensin-Aldosterone System)
        ฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการรักษาสมดุลแคลเซียม (Vitamin D และ Parathyroid Hormone)


ปัจจัยเสี่ยงโรคไต

    เบาหวาน 1 ใน 3 ของคนที่เป็นเบาหวานมักเป็นโรคไตด้วย โดยอาจตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะ ค่าการทำงานของไตลดลง
    ความดันโลหิตสูง ในผู้ใหญ่ 1 ใน 5 คน จะมีปัญหาความดันโลหิตสูง ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่รู้ตัว ซึ่งในไตเต็มไปด้วยหลอดเลือด ความดันโลหิตสูงย่อมส่งผลกระทบต่อการทำงานของไตด้วย
    ภาวะอ้วน น้ำหนักเกิน
    โรคหลอดเลือดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหัวใจหรือสมอง
    คนที่อายุมากกว่า 60 ปี อัตราการทำงานของไตลดลง
    คนที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคไตและสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่น ถุงน้ำในไต
    ผู้ป่วยที่มักมีโรคไตร่วมด้วย เช่น ผู้ป่วยโรค SLE โรคหลอดเลือดอักเสบ หรือเนื้อเยื่อเกี่ยวพันต่าง ๆ
    ผู้ป่วยที่มีประวัติการใช้ยาหรือสารพิษที่เป็นอันตรายต่อไต

ประเภทโรคไต โรคไต แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

    ไตวายเฉียบพลัน (Acute Kidney Injury, AKI)
    ภาวะที่การทำงานของไตลดลงอย่างรวดเร็ว มีค่าไตผิดปกติช่วงเวลาสั้น ๆ ในเวลาเป็นชั่วโมงหรือในไม่กี่วัน ส่งผลให้ไตไม่สามารถขับของเสียและบกพร่องหน้าที่ในการรักษาสมดุลของน้ำ เกลือแร่ กรด ด่างในเลือด โดยมักจะดีขึ้นได้ในเวลาไม่นาน ถ้าได้รับการแก้ไขในเวลาอันรวดเร็ว
    ไตวายเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease, CKD)
    ภาวะที่การทำงานของไตเสื่อมลงอย่างช้า ๆ ทำลายเนื้อไตแบบค่อยเป็นค่อยไปนานเกินกว่า 3 เดือน โดยแบ่งระยะและระดับความรุนแรงของโรคไตเรื้อรังออกเป็น 5 ระยะตามอัตราการกรองของไต (Estimated Glomerular Filtration Rate, eGFR) ซึ่งคือปริมาณเลือดที่ไหลผ่านตัวกรองของไตในหนึ่งนาที (มล./นาที/1.73 ตร.ม.)
        ไตเรื้อรังระยะที่ 1 อัตราการกรองของไต (eGFR) ปกติมากกว่า 90 มล./นาที/1.73 ตร.ม.
        ไตเรื้อรังระยะที่ 2 อัตราการกรองของไต (eGFR) 60 – 89 มล./นาที/1.73 ตร.ม.
        ไตเรื้อรังระยะที่ 3 อัตราการกรองของไต (eGFR) 30 – 59 มล./นาที/1.73 ตร.ม.
        ไตเรื้อรังระยะที่ 4 อัตราการกรองของไต (eGFR) 15 – 29 มล./นาที/1.73 ตร.ม.
        ไตเรื้อรังระยะที่ 5 อัตราการกรองของไต (eGFR) น้อยกว่า 15 มล./นาที/1.73 ตร.ม.


สาเหตุการเกิดโรคไต

    โรคที่ส่งผลให้เลือดมาเลี้ยงไตลดลง เช่น เสียเลือดมาก หลอดเลือดที่เลี้ยงไตตีบ
    โรคที่เกิดความผิดปกติของไตโดยตรง เช่น
        อักเสบจากการติดเชื้อ
        อักเสบจากการไม่ติดเชื้อ
        ได้รับสารพิษที่เป็นอันตรายกับไต เช่น สารพิษ หรือยา
        ภาวะหลอดเลือดในไตอักเสบ
    โรคไตที่เกิดกับระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น ความผิดปกติของท่อไต นิ่ว หรือเนื้องอกของกระเพาะปัสสาวะ

อาการบอกโรคไต

    อาการซึ่งเกิดจากการสะสมของของเสีย เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน คันตามผิวหนัง
    ปัสสาวะน้อยหรือบ่อยผิดปกติ เพราะความสามารถในการขับน้ำผิดปกติไป
    ลักษณะปัสสาวะผิดปกติ เช่น สีผิดปกติ มีเลือดปน เป็นฟองจากการมีโปรตีนรั่ว หรือมีนิ่วปนออกมา
    ตาบวม ขาบวม อาจเกิดจากภาวะน้ำคั่งหรือเสียโปรตีนออกไปจนเกิดภาวะโปรตีนในเลือดต่ำ
    เหนื่อยง่าย เนื่องจากภาวะน้ำเกิน
    ความดันโลหิตสูง
    ตะคริว ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น แคลเซียมในเลือดต่ำ ภาวะซีด ฯลฯ

ตรวจหาโรคไต การตรวจหาโรคไตแพทย์จะตรวจหาสาเหตุเพื่อประเมินความรุนแรง ได้แก่

    ตรวจเลือด เพื่อตรวจระดับของเสียในเลือด ตรวจสมดุลเลือด กรด ด่าง อัตราการกรองของไต ฯลฯ
    ตรวจปัสสาวะ เพื่อตรวจวิเคราะห์ปัสสาวะ (Urinalysis) วัดปริมาณโปรตีนในปัสสาวะ (Urine Microalbumin to Creatinine Ratio)
    ตรวจจากภาพถ่าย ได้แก่ เอกซเรย์, อัลตราซาวนด์ (Ultrasound), CT Scan, MRI Scan
    ตรวจชิ้นเนื้อ (Kidney Biopsy)
    การตรวจพิเศษต่าง ๆ จำเพาะโรค (Special Tests)

ดูแลรักษาไต แม้ว่าไม่ได้ป่วยเป็นโรคไตก็ควรมีการตรวจสุขภาพทั่วไปรวมถึงการทำงานของไตตามคำแนะนำอย่างสม่ำเสมอและป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากโรคไต แต่หากตรวจวินิจฉัยแล้วพบว่าเป็นโรคไต การดูแลรักษาไตสามารถทำได้โดย
1) รักษาตามสาเหตุ หากแพทย์พิจารณาแล้วว่าสามารถรักษาได้จะเลือกวิธีการดูแลรักษาจากความแข็งแรงของไต
2) ชะลอการเสื่อมของไต ได้แก่

    ควบคุมความดันโลหิต แพทย์จะปรับยาเพื่อควบคุมความดันโลหิตในอยู่ในช่วงที่เหมาะสม ซึ่งความดันโลหิตที่เหมาะสมจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
    ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด (น้ำตาลในเลือด<120 มก.เดซิลิตรหรือน้ำตาลเฉลี่ยสะสม (HbA1c <7%)
    ควบคุมการรับประทานอาหารอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะโปรตีน ขึ้นอยู่กับระดับความเสื่อมของไต หากไตเสื่อมมากต้องจำกัดมาก โดยอาหารผู้ป่วยโรคไต แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
        กลุ่มผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่ยังไม่ได้ฟอกเลือดหรือล้างไตทางช่องท้อง แพทย์มักแนะนำให้จำกัดโปรตีน รับประทานให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายโดยไม่มากจนเกินไป ในบางรายที่ระดับของเสียในเลือดสูง อาจแนะนำให้จำกัดโปรตีนร่วมกับรับประทานโปรตีนเสริมสำหรับผู้ป่วยโรคไต
        กลุ่มผู้ป่วยโรคไตที่ฟอกเลือดหรือล้างไตทางช่องท้อง กลุ่มนี้ต้องการโปรตีนมากกว่าปกติ เนื่องจากมีการสูญเสียโปรตีนออกไปมากขณะฟอกเลือดและล้างช่องท้อง
    หลักการรับประทานอาหารของผู้ป่วยโรคไต คือ จำกัดโปรตีนตามระยะของโรคเพื่อชะลอการเสื่อมของไต หลีกเลี่ยงอาหารที่อาจส่งเสริมให้เกิดภาวะความผิดปกติของเกลือแร่ เช่น ผักและผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง ผู้ป่วยควรได้รับคำแนะนำด้านอาหารที่เหมาะสมจากแพทย์หรือนักโภชนากร
    หลีกเลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมมาก เช่น น้ำจิ้ม เพราะเผ็ดมักจะมากับเค็ม สำหรับผลิตภัณฑ์โซเดียมต่ำจำเป็นต้องอ่านฉลากอย่างระมัดระวัง เพราะสารให้ความเค็มที่นำมาใช้ทดแทนส่วนใหญ่คือ โพแทสเซียม ซึ่งในผู้ป่วยโรคไตไม่สามารถขับโพแทสเซียมออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระดับโพแทสเซียมที่ผิดปกติมีผลโดยตรงต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อหัวใจ อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตจากหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ ในผลิตภัณฑ์ที่เขียนว่าใช้เกลือโพแทสเซียมแทนโซเดียมจึงไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคไต
    หยุดสูบบุหรี่ มีความสำคัญมาก เนื่องจากบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่เพิ่มอัตราการเสียชีวิต โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคไต
    หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ไม่จำเป็น เช่น ยาแก้ปวด ยาลูกกลอน และยาสมุนไพรที่ไม่ได้การรับรอง
    ประเมินน้ำดื่มตามสภาวะน้ำในร่างกาย
    พบแพทย์เป็นประจำ

3) การบำบัดทดแทนไต (Kidney Replacement Therapy; KRT) เมื่ออัตราการกรองของไตเหลือน้อยกว่า 15 มล./นาที/1.73 ตร.ม. ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอาการอันเกิดจากมีน้ำหรือของเสียคั่ง แพทย์จะแนะนำการรักษาบำบัดทดแทนไต ซึ่งในปัจจุบัน มี 3 ทางเลือก ได้แก่

    การล้างไตทางช่องท้อง (Peritoneal Dialysis) เป็นการใส่น้ำยาฟอกเลือดผ่านท่อซิลิโคนขนาดเล็กซึ่งฝังผ่านผนังหน้าท้องเข้าไปอยู่ในช่องท้อง ทิ้งน้ำยาไว้ในช่องท้องเป็นระยะเวลาประมาณ 6 – 8 ชั่วโมง เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนตามความเข้มข้นของสารผ่านเยื่อบุช่องท้อง ของเสีย และน้ำส่วนเกินจะถูกขจัดออกมาอยู่ในน้ำยาซึ่งจะถูกถ่ายทิ้งไป และถูกแทนที่ด้วยน้ำยาใหม่ที่ปราศจากของเสียในรอบต่อไป ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ระหว่างรอบของการเปลี่ยนน้ำยา


    การฟอกเลือด (Hemodialysis) เป็นกระบวนการนำเลือดมาทำให้สะอาดขึ้น ด้วยการกำจัดของเสียและปรับสมดุลของน้ำและเกลือแร่ผ่านเครื่องไตเทียม ปัจจุบันมีการพัฒนาการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมมาเป็นการฟอกเลือดประสิทธิภาพสูง (Online Hemodiafiltration – OL HDF) เพื่อให้กำจัดของเสียได้ดียิ่งกว่าแบบเดิม

    การปลูกถ่ายไต (Kidney Transplantation) เป็นการบำบัดทดแทนไตในการรักษาไตวายเรื้อรัง โดยนำไตที่ยังทำงานได้ดีมาปลูกถ่ายให้แก่ผู้ป่วยไตเรื้อรังระยะสุดท้าย โดยไม่จำเป็นต้องนำไตเก่าออก นอกจากมีความจำเป็นเท่านั้น ซึ่งไตที่ได้รับการปลูกถ่ายจะทำงานได้ใกล้เคียงกับไตปกติ ช่วยให้คุณภาพชีวิตผู้ป่วยดีขึ้น

ป้องกันโรคไต

    เลือกรับประทานอาหารในสัดส่วนที่เหมาะสม รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงอาหารที่มีเกลือมาก ในผู้ป่วยไตเรื้อรังควรปรับสัดส่วนโปรตีนให้เหมาะสมกับระยะของโรค
    อาหารที่มีเกลือมาก ได้แก่ อาหารที่ผ่านการถนอมอาหาร เช่น ไส้กรอก กุนเชียง หมูยอ หมูตุ๋น บ๊วย มะม่วงดอง ฯลฯ เนื่องจากอาหารเหล่านี้ใช้เกลือเพื่อถนอมอาหาร เกลือมีผลต่อการทำงานของไตทั้งทางตรงและทางอ้อม
    รับประทานอาหารที่มีไขมันชนิดไม่อิ่มตัว เลี่ยงไขมันจากสัตว์ ไข่แดง กะทิ และน้ำมันพืชที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง
    ดื่มน้ำวันละ 6 – 8 แก้ว หรือ 2 ลิตรต่อวัน
    ควบคุมน้ำหนักให้ได้มาตรฐาน ไม่ให้เกิดภาวะอ้วน
    ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ เช่น แอโรบิก เดินเร็ว ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ
    หยุดสูบบุหรี่
    เลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
    ตรวจวัดความดันอย่างสม่ำเสมอ
    พยายามหลีกเลี่ยงความเครียดและผ่อนคลายอารมณ์
    ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี


การป้องกันไม่ให้ป่วยด้วยโรคไตเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่หากรู้ว่าตนเองมีความเสี่ยงควรพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพและประเมินการทำงานของไตโดยเร็ว และหากตรวจวินิจฉัยพบความผิดปกติ ควรพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับคำแนะนำและรักษาให้เร็วที่สุด ไม่ควรละเลยเนื่องจากโรคอาจมีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้กลายเป็นไตเสื่อมถาวรได้

โรคไตไม่ไกลตัว อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/disease-conditions/298

111
โพสขายของแบบไหนดี / วีโว่ vivo X7
« เมื่อ: วันที่ 17 มีนาคม 2024, 09:43:52 น. »
วีโว่ vivo X7
Vivo X7 สมาร์ทโฟนหน้าจอสัมผัส  AMOLED ขนาด 5.2 นิ้ว ความละเอียด 1080×1920 พิเศษด้วยระบบสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มโฮม มาพร้อมกล้องหลังความละเอียดคมชัด 13 ล้าน พิคเซลและ กล้องหน้าความละเอียดคมชัด 16 ล้านพิคเซล พร้อมการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 5.1 ตกแต่งด้วย FunTouch OS ลื่นไหลไม่มีสะดุด

รายละเอียดเบื้องต้น
ยี่ห้อ-รุ่น                      วีโว่ vivo X7
ราคากลาง                   13,163 บาท
จำนวนซิม                   2 ซิม (Micro Sim)
แบบดีไซน์                  จอสัมผัส
สี                             ทอง, โรสโกลด์
   
ความถี่-เครือข่าย
2G
3G
4G
   
ขนาด-น้ำหนัก                     ยาว 147.3 x กว้าง 71.8 x หนา 7.24 มม., น้ำหนัก 151 กรัม
ความจุข้อมูลภายใน (ROM)     64 GB
ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด
แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ        ความจุแบตเตอรี่ 3,000 mAh

จอแสดงผล
ชนิดจอ                           จอสัมผัส ()
ความละเอียด                    5.2 นิ้ว, 1,080 x 1,920 px
   
รายละเอียดอื่น
กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด
กล้องหลัง (13 Mpx), กล้องหน้า (16 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ
Auto Focus, Flash, เซนเซอร์รับภาพ, ซูมดิจิตอล
ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)
Octa-core 1.8GHz
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)
   หน่วยความจำ (RAM)
4.0 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก
USB, Bluetooth, Jack, Wi-Fi, WiFi Direct
   ระบบรับส่งข้อความ
SMS, MMS, EMAIL, PUSH MAIL, IM
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
3G, GPRS, EDGE, WiFi, 4G
   ระบบ GPS
GPS, A-GPS,

วีโว่ vivo X7 อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/mobilephone/vivo/

112
มนุษย์ออฟฟิศทั้งหลายที่ต้องเหนื่อยล้ากับงานมาทั้งวัน ทั้งต้องจ้องคอมพิวเตอร์ คิดงานต่างๆ ทำให้สมองล้า ทำให้รู้สึกง่วงเหงาหาวนอน

วันนี้ขอแนะนำผลไม้ 9 ชนิด ที่เหมาะสำหรับมนุษย์ออฟฟิศ เพราะทั้งสามารถช่วยเพิ่มพลังงาน ช่วยสมองให้กระปรี้กระเปร่า แถมบำรุงสุขภาพได้เป็นอย่างดี

1. แคนตาลูป

แคนตาลูป อุดมด้วยโพแทสเซียม ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้สมองได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ เมื่อได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอก็จะทำให้สมองของเราทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ


2. แอปเปิล

จากการศึกษาทางการแพทย์ของโรงพยาบาล King’s College ในประเทศอังกฤษ พบว่า แอปเปิลเป็นผลไม้ที่ปลุกสมองและร่างกายจากความเหนื่อยล้าได้ดีกว่ากาแฟ เพราะแอปเปิลอุดมด้วยคาร์โบไฮเดรต น้ำตาล และไฟเบอร์ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานจากน้ำตาลมากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นผลไม้ที่ช่วยลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดีอีกด้วย


3. สตรอว์เบอร์รี

สตรอว์เบอร์รี ก็มีน้ำตาลไม่แพ้กับผลไม้ชนิดอื่นๆ ทำให้รับประทานเข้าไปแล้วรู้สึกมีพลังมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงภาวะสมองเสื่อมได้


4. กล้วย

กล้วย อุดมด้วยกรดอะมิโนที่ชื่อว่าทริปโตเฟน ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับเข้าไปแล้วก็จะเปลี่ยนสารชนิดนี้ให้เป็นสารเซโรโทนิน ทำให้ความเครียดลดลง นอกจากนี้กล้วยยังถือเป็นสุดยอดอาหารเพิ่มพลัง อุดมด้วยคาร์โบไฮเดรต และน้ำตาลที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที และยังมีไฟเบอร์ วิตามินบี โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และสารอาหารอื่นๆ ที่ดีกับร่างกายอีกเพียบ


5. สับปะรด

รสชาติหวานฉ่ำของสับปะรดไม่ได้มีดีแค่ความอร่อย แต่ยังช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นแถมยังดีต่อระบบการทำงานของสมอง นั่นก็เป็นเพราะว่าสับปะรดมีน้ำตาลจากธรรมชาติ แถมยังมีวิตามินซี ช่วยเสริมสร้างสื่อประสาท เพิ่มการทำงานให้สมอง คราวหน้าถ้ารู้สึกง่วงๆ ละก็ อย่าลืมหาสับปะรดมากินนะ


6. ส้ม

นอกเหนือจากรสชาติของส้มแล้ว สิ่งที่ทำให้หายง่วงเป็นปลิดทิ้งก็คือปริมาณของน้ำตาล ไฟเบอร์ และน้ำที่อยู่ในส้มที่จะช่วยเพิ่มพลังให้คุณได้อย่างรวดเร็ว หรือจะเลือกทานผลไม้รสเปรี้ยวที่เป็นพี่น้องกับส้ม อย่าง เกรปฟรุต มะนาว และเลมอน ก็ช่วยได้เหมือนกัน


7. บลูเบอร์รี

มหาวิทยาลัยทัฟส์ ในสหรัฐอเมริกาได้แนะนำว่าบลูเบอร์รีเป็นผลไม้ที่ควรรับประทานเป็นอย่างยิ่ง เพราะช่วยสร้างเสริมการทำงานของสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยชะลอการสูญเสียความทรงจำในระยะสั้นอีกด้วย


8. ทับทิม

ทับทิม อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะเข้าไปป้องกันไม่ให้เซลล์ต่างๆ ถูกทำลาย โดยเฉพาะเซลล์สมอง อีกทั้งในทับทิมยังมีปริมาณน้ำตาลค่อนข้างสูง เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วน้ำตาลในทับทิมก็จะถูกส่งไปเลี้ยงสมองและร่างกายทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น


9. แตงโม

การไม่ค่อยดื่มน้ำในขณะที่นั่งทำงานจะทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ ซึ่งการที่ร่างกายขาดน้ำก็เป็นสาเหตุที่ทำให้รู้สึกไม่มีสมาธิและอ่อนเพลีย ดังนั้นถ้าอยากเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกายละก็ นอกจากจะดื่มน้ำแล้วขอแนะนำให้รับประทานแตงโมค่ะ เพราะแตงโมมีส่วนประกอบของน้ำถึง 95% แถมยังมีวิตามินซีที่ช่วยเสริมสร้างสมองให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น





ผลไม้ช่วยสดชื่น กระปรี้กระเปร่า เพิ่มพลังเหมาะกับมนุษย์ออฟฟิศ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/products/

113
แลมเบรตต้า Lambretta X300 77th Anniversary Limited Edition ปี 2024
LAMBRETTA X300 77th Anniversary Limited Edition ในคอลเลคชั่นลิมิเต็ดนี้ นอกจากจะมาพร้อมความพิเศษที่มีทั้งหมดเพียง 777 คันเท่านั้น ยังมาพร้อมงานดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยชุดสีสไตล์ทูโทน ออกแบบมาให้ชุดสีบนตัวรถมีสีขาวและสีดำสลับกันไปในชิ้นส่วนที่แตกต่างกัน กับ 2 สีสันที่มีชื่อสีพิเศษว่า BLACK GOLD (แบล็ค โกลด์), WHITE GOLD (ไวท์ โกลด์) ยังท็อปอัพความเอ็กซ์คลูซีฟให้กับชาวแลมเบรตติสต้า ด้วย 77th Celebration set ของขวัญสุดพิเศษสำหรับการเฉลิมฉลองปีที่ 77 ของแลมเบรตต้า

รายละเอียดเบื้องต้น

แบรนด์               Lambretta
รุ่น                    แลมเบรตต้า Lambretta X300 77th Anniversary Limited Edition ปี 2024
ประเภทรถ           รถครอบครัวแบบสกู๊ตเตอร์, Classic bike
ปีที่เปิดตัว            2024
ราคา                 159,900 บาท


สเปค

รูปแบบเกียร์              เกียร์ออโต้
ระบบเกียร์                CVT
รายละเอียดเครื่องยนต์  4 จังหวะ 1 สูบ 4 วาล์ว SOHC
ระบบระบายความร้อน   น้ำ
ระบบสตาร์ท             สตาร์ทไฟฟ้า (มือ)
ขนาดเครื่องยนต์ (CC) 275 CC
แบบเครื่องยนต์         4 จังหวะ
ระบบจุดระเบิด          Transistorized coil ignition (Bosch)
ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง  แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), แก๊สโซฮอล์ 91, เบนซิน 95
ระบบจ่ายน้ำมัน             หัวฉีด (Electronic Fuel Injection (Bosch))
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)     7.5 ลิตร
ระบบกันสะเทือน           ล้อหน้า Double Arm-Link, ล้อหลัง Double spring suspension
ระบบเบรค                 ล้อหน้า ดิสก์เบรก (Dual-channel ABS), ล้อหลัง ดิสก์เบรก (Dual-channel ABS)
แบบวงล้อ                  แมกซ์
ขนาดยาง                 ล้อหน้า Pirelli 120/70-12 51M (Tubeless), ล้อหลัง Pirelli 130/70-12 56M (Tubeless)
ขนาด (ยาวxกว้างxสูง มม.)    1,922 x 741 x 1,117 มม. ความสูงเบาะ 790 มม.
น้ำหนักตัวรถ                      160.00 กก.

มอเตอร์ไซด์ใหม่: แลมเบรตต้า Lambretta X300 77th Anniversary Limited Edition ปี 2024 อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/motorcycle/

114
แลมเบรตต้า Lambretta X300 77th Anniversary Limited Edition ปี 2024
LAMBRETTA X300 77th Anniversary Limited Edition ในคอลเลคชั่นลิมิเต็ดนี้ นอกจากจะมาพร้อมความพิเศษที่มีทั้งหมดเพียง 777 คันเท่านั้น ยังมาพร้อมงานดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยชุดสีสไตล์ทูโทน ออกแบบมาให้ชุดสีบนตัวรถมีสีขาวและสีดำสลับกันไปในชิ้นส่วนที่แตกต่างกัน กับ 2 สีสันที่มีชื่อสีพิเศษว่า BLACK GOLD (แบล็ค โกลด์), WHITE GOLD (ไวท์ โกลด์) ยังท็อปอัพความเอ็กซ์คลูซีฟให้กับชาวแลมเบรตติสต้า ด้วย 77th Celebration set ของขวัญสุดพิเศษสำหรับการเฉลิมฉลองปีที่ 77 ของแลมเบรตต้า

รายละเอียดเบื้องต้น

แบรนด์               Lambretta
รุ่น                    แลมเบรตต้า Lambretta X300 77th Anniversary Limited Edition ปี 2024
ประเภทรถ           รถครอบครัวแบบสกู๊ตเตอร์, Classic bike
ปีที่เปิดตัว            2024
ราคา                 159,900 บาท


สเปค

รูปแบบเกียร์              เกียร์ออโต้
ระบบเกียร์                CVT
รายละเอียดเครื่องยนต์  4 จังหวะ 1 สูบ 4 วาล์ว SOHC
ระบบระบายความร้อน   น้ำ
ระบบสตาร์ท             สตาร์ทไฟฟ้า (มือ)
ขนาดเครื่องยนต์ (CC) 275 CC
แบบเครื่องยนต์         4 จังหวะ
ระบบจุดระเบิด          Transistorized coil ignition (Bosch)
ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง  แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), แก๊สโซฮอล์ 91, เบนซิน 95
ระบบจ่ายน้ำมัน             หัวฉีด (Electronic Fuel Injection (Bosch))
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)     7.5 ลิตร
ระบบกันสะเทือน           ล้อหน้า Double Arm-Link, ล้อหลัง Double spring suspension
ระบบเบรค                 ล้อหน้า ดิสก์เบรก (Dual-channel ABS), ล้อหลัง ดิสก์เบรก (Dual-channel ABS)
แบบวงล้อ                  แมกซ์
ขนาดยาง                 ล้อหน้า Pirelli 120/70-12 51M (Tubeless), ล้อหลัง Pirelli 130/70-12 56M (Tubeless)
ขนาด (ยาวxกว้างxสูง มม.)    1,922 x 741 x 1,117 มม. ความสูงเบาะ 790 มม.
น้ำหนักตัวรถ                      160.00 กก.

มอเตอร์ไซด์ใหม่: แลมเบรตต้า Lambretta X300 77th Anniversary Limited Edition ปี 2024 อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/motorcycle/

115
สาวๆ ที่อยู่ในช่วงของการไดเอต หลายครั้งก็มีความกังวลกับประเภทของอาหารที่จะกินเข้าไป เพราะเกรงว่าอาหารเหล่านั้นจะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ วันนี้เราจึงรวมอาหาร 7 ชนิดที่มีส่วนช่วยให้อิ่มท้องนาน และจัดเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับสาวๆ ที่กำลังไดเอตมาฝากกันค่ะ มาดูกันดีกว่าว่าจะมีอาหารชนิดใดบ้าง


1.ลูกแพร์
ลูกแพร์อุดมด้วยไฟเบอร์เพคติน 24% ซึ่งถือเป็นปริมาณของไฟเบอร์ที่สูงกว่าที่มีอยู่ในแอปเปิลเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ในส่วนของเปลือกลูกแพร์อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ที่หลากหลายเลยทีเดียว เพราะมีสารอาหารที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง แถมยังมีส่วนช่วยบำรุงหลอดเลือดให้แข็งแรงอีกด้วย ดังนั้นถ้าสาวๆ ต้องการกินลูกแพร์ แนะนำให้กินพร้อมเปลือกจะดีที่สุด


2.ส้ม
ส้มก็ถือเป็นอาหารที่มีส่วนช่วยให้อิ่มท้องนานเช่นกัน นั่นเป็นเพราะมีกากใย โดยในส่วนของกากใยนั้นอุดมด้วยไฟเบอร์เพคตินอยู่ประมาณ 70% ดังนั้นเมื่อสาวๆ กินส้ม อย่าเผลอไปดึงกากใยออกเชียวนะคะ แนะนำให้กินพร้อมกากใยไปเลย เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างไฟเบอร์เพคตินนั่นเอง


3.ถั่วแดง
ถั่วแดง จัดเป็นอาหารที่ให้โปรตีนเท่ากับการกินเนื้อสัตว์เลยก็ว่าได้ โดยปริมาณของถั่วแดง 1 ถ้วยตวง ให้โปรตีนเทียบเท่ากับเนื้อสัตว์ 2 กรัม ซึ่งถือว่าสาวๆ สามารถกินถั่วแดงแทนการกินเนื้อสัตว์ได้เลย ที่สำคัญการกินถั่วแดงช่วยให้ร่างกายได้รับแคลอรีต่ำและยังช่วยให้อิ่มท้องนาน


4.กระเจี๊ยบเขียว
กระเจี๊ยบเขียวอุดมด้วยไฟเบอร์ประมาณร้อยละ 10 จัดเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับการกินในช่วงไดเอตอย่างมาก เนื่องจากในกระเจี๊ยบเขียวจะมีปริมาณแคลอรีเพียง 30 กิโลแคลอรี แถมยังจัดเต็มไปด้วยวิตามินเอ วิตามินบี6 วิตามินซี แคลเซียม แมกนีเซียม โฟเลต และธาตุเหล็ก ที่สำคัญหากสาวๆ กินกระเจี๊ยบเขียวในช่วงลดน้ำหนัก จะช่วยให้สามารถต้านความหิวได้ตลอดวันเลยทีเดียว


5.กะหล่ำดาว
กะหล่ำดาวอุดมด้วยไฟเบอร์ร้อยละ 16 พร้อมทั้งให้แคลอรีต่ำ ทั้งนี้การเอากะหล่ำดาวประมาณ 156 กรัมมาปรุงสุกและกินในช่วงไดเอต จะช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานเพียง 56 กิโลแคลอรีเท่านั้น แต่ยังคงช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องนาน


6.โอ๊ตมีล
โอ๊ตมีลจัดเป็นอาหารที่กลุ่มคนไดเอตนิยมกินกันมาก เพราะนอกจากจะช่วยให้อิ่มท้องนานแล้ว ยังช่วยลดความอยากกินจุบจิบได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้แนะนำให้กินคู่กับผลไม้หรือธัญพืช จะช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์ที่หลากหลาย


7.ข้าวบาร์เลย์
ข้าวบาร์เลย์มีไฟเบอร์สูงถึงร้อยละ 75  โดยสาวๆ สามารถเอาข้าวบาร์เลย์มาดัดแปลงเป็นเมนูต่างๆ ได้มากมาย ทั้งนี้แนะนำให้กินคู่กับสลัดผัก จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่หลากหลาย สำหรับสาวๆ ที่กินข้าวบาร์เลย์ในช่วงไดเอต จะช่วยให้กากใยถูกย่อยแตกตัวเป็นกรดบิวไทลิก ซึ่งมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง พร้อมทั้งช่วยบำรุงหัวใจ ถือเป็นการกินอาหารเพื่อลดน้ำหนักที่มาพร้อมกับการป้องกันโรคร้ายเลยก็ว่าได้


เอาเป็นว่าถ้าสาวๆ มีความตั้งใจจะไดเอต แต่ก็ไม่สามารถบอกลาการกินของอร่อยๆ ไปได้ แนะนำให้กินอาหาร 7 ชนิดนี้ในช่วงที่กำลังลดน้ำหนักดูค่ะ บอกเลยว่านอกจากจะช่วยให้ลดน้ำหนักได้สำเร็จแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่หลากหลายอีกด้วย

อาหารสุขภาพ อิ่มท้องนาน สายไดเอตบอกเลยห้ามพลาด อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://thetastefood.com/

116
รีเทนเนอร์ ก็เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่นำมาใช้และมีประโยชน์หลังจาก การจัดฟัน แล้ว หลายคนเข้าใจผิดคิดว่ารีเทนเนอร์คือการจัดฟัน แต่จริง ๆ แล้วรีเทนเนอร์เป็นเครื่องมือที่นำมาใช้เพื่อคงสภาพฟันไม่ให้เคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งที่เป็นอยู่ ซึ่งหลังจากทันตแพทย์จัดฟันให้คนไข้เสร็จแล้วจะให้ใส่รีเทนเนอร์ อย่างเคร่งครัด เพื่อคงสภาพฟันของเรา


ความสำคัญของรีเทนเนอร์

ด้วยเหตุนี้รีเทนเนอร์จึงมีความสำคัญสำหรับคนไข้ที่ได้รับการจัดฟันทุกคน เมื่อทันตแพทย์ถอดเครื่องมือจัดฟันออกแล้ว หมอจะแนะนำให้ใส่รีเทนเนอร์อย่างต่อเนื่องเพื่อคงสภาพฟันหลังจากจัดฟันเสร็จแล้ว หากคุณไม่ยอมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดก็มีโอกาสที่ฟันจะเคลื่อนไปจากเดิมอาจเป็นปัญหาฟันห่าง,ฟันซ้อนเก,ฟันล้ม,เป็นต้น รีเทนเนอร์มีหลายแบบได้แก่ รีเทนเนอร์แบบใส , รีเทนเนอร์แบบยึดติดกับฟันและรีเทนเนอร์แบบลวด

ทำไมต้องใส่รีเทนเนอร์ ?

คนที่จัดฟันแล้วจำเป็นต้องใส่รีเทนเนอร์ เพราะว่าฟันของคุณหลังจากจัดฟันแล้ว มีโอกาสเคลื่อนตัวกลับไปสู่แบบเดิมก่อนที่เราจะจัดฟันนั่นเองและเมื่ออายุมากขึ้น ฟันของคนเราจะมีโอกาสเคลื่อนตัวได้ หลังจากที่ทันตแพทย์ถอดเครื่องมือจัดฟันให้คุณแล้ว คุณจะได้รับรีเทนเนอร์ซึ่งจะช่วยรักษาฟันให้คงอยู่กับที่ตลอดไปและอีกเหตุผลที่คุณจะต้องใส่รีเทนเนอร์ก็เพราะว่าหลังจากการจัดฟัน คุณจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งหลังจากที่จัดฟันเสร็จ กว่าที่ฟันจะปรับตัวให้อยู่ในตำแหน่งใหม่ ซึ่งรีเทนเนอร์จะช่วยประครองฟันไม่ให้เคลื่อนจากตำแหน่งที่ถูกต้องหลังจากได้มีการจัดฟันไว้ให้เข้าที่ดีแล้ว


– การดูแลและทำความสะอาดรีเทนเนอร์

ควรทำความสะอาดรีเทนเนอร์เป็นประจำทุกวัน ให้ทำเหมือนการแปรงฟันและควรทำทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร หรือจะแช่ในน้ำที่มีเม็ดฟู่ทำความสะอาดรีเทนเนอร์ก็ได้เช่นกัน


– วิธีการเก็บรักษารีเทนเนอร์

ควรนำรีเทนเนอร์ใส่ไว้ในกล่องพลาสติกแบนๆ ที่สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก ไม่ควรเอากระดาษทิชชูมาห่อ เพราะอาจจะหล่นหายหรือทำให้รูปร่างของรีเทนเนอร์เปลี่ยนแปลงไปได้ ซึ่งโอกาสที่รีเทนเนอร์จะหายหรือหักก็ได้ เมื่อเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น คุณควรรีบติดต่อทันตแพทย์ที่จัดฟันให้คุณทันทีเพื่อทำรีเทนเนอร์อันใหม่ เพราะถ้าคุณปล่อยทิ้งไว้นานเกินไปจะมีผลทำให้ฟันกลับไปสู่สภาพเดิมได้


– ควรจะใส่รีเทนเนอร์นานแค่ไหน ?

ทันตแพทย์ผู้จัดฟันของคุณจะเป็นผู้แนะนำเองว่า จะให้คุณใส่รีเทนเนอร์นานเท่าไร ? ซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะการเรียงตัวของฟันก่อนที่จะมีการจัดฟัน โดยมากแล้วในปีแรกหลักจากถอดเครื่องมือจัดฟันแล้ว คุณควรจะใส่รีเทนเนอร์ตลอดเวลา คุณสามารถถอดออกได้เฉพาะเวลารับประทานอาหารและแปรงฟันเท่านั้น ในเวลากลางคืนก็ต้องใส่รีเทนเนอร์ตลอดเวลาอีกด้วย


ข้อควรระวังในการใส่รีเทนเนอร์

การมีรีเทนเนอร์ในปาก บางครั้งคุณอาจเผลอไปดูดหรือหรือเอาลิ้นดุนรีเทนเนอร์พลิกเล่นไปมาในปากได้ เมื่อรู้ตัวไม่ควรทำเพราะจะทำให้ฟันเคลื่อนที่กลับไปเป็นไม่สวยได้การใส่รีเทนเนอร์นับว่าเป็นขั้นตอนหนึ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการจัดฟันของคุณ เนื่องจากต้องอาศัยความร่วมมือจากคนไข้ในการใส่ด้วย การที่ทันตแพทย์จะจัดฟันให้ได้ผลสำเร็จสมบูรณ์ได้นั้น จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากคนไข้ประกอบไปด้วยกัน ถ้าไม่ใส่รีเทนเนอร์จะทำให้ฟันห่าง ล้ม ต้องจัดฟันใหม่ และถ้าทำบ่อย ๆ ก็ไม่เป็นผลดีต่อเหงือกจะทำให้เหงือกอักเสบเป็นต้น และเมื่อคุณคิดจะจัดฟันแล้ว ก็ควรรู้ถึงการดูแลตนเองที่จะตามมาด้วย เพราะการจัดฟันไม่ได้สิ้นสุดที่ห้องทันตแพทย์แต่หลังจากจัดฟันยังมีขั้นตอนต่อเนื่องที่ต้องดูแลตนเอง อย่างการใส่รีเทนเนอร์ที่จะต้องมีความรู้ว่าควรใส่ตลอดเวลาในช่วงระยะเวลาหนึ่งและถ้าหากไม่ทำตามจะเกิดผลต่อฟันที่จัดไว้แล้วทำให้ไม่สวยดังใจ การปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และการดูแลช่องปากระหว่างการจัดฟันอีกด้วยเพราะจะทำให้คุณมีฟันที่สวยอย่างที่ต้องการ




ทำไมต้องใส่รีเทรนเนอร์หลังจัดฟัน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/

117
ในการดูแลผู้ป่วย เพื่อเฝ้าระวังภาวะความเสี่ยงที่สามารถ เกิดอันตรายได้เสมอ การใส่สายยางให้อาหารแก่ผู้ป่วยนั้นคือการให้อาหารหรือผ่านทางสายให้อาหารเข้าสู่ระบบทางเดินอาหารของผู้ป่วย โดยการใส่สายเข้ากระเพาะอาหารเป็นชุดอาการที่พบบ่อยทั้งนี้เพราะผู้ป่วยในห้องตรวจ การใส่สายอย่างให้อาหารเข้ากระเพาะอาหารมีเพียงเพื่อแต่ส่งเสริมภาวะโภชนาการ ยังช่วยในการสืบค้นเพื่อวินิจฉัยและการดูแลรักษา พยาบาลหรือผู้ดูแลจึงต้องใช้ความรู้และมีเทคนิคในการใส่สายให้ได้อย่างถูกต้อง และที่สำคัญป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ ดูที่ใส่สายเข้าทางกระเพาะอาหารเป็นการใส่สายทางรูจมูกผ่านโพรงจมูกไปยังคอ ถึงกระเพาะอาหาร เพื่อวัตถุประสงค์หลักๆคือการให้อาหาร น้ำและยา ในผู้ป่วยรายที่ไม่สามารถหรืออาหารได้เช่นผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวผู้ป่วยอัมพาตรวมถึงผู้ป่วยที่รับประทานอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย


ซึ่งการคาสายสายยางให้อาหารในกระเพาะอาหารที่ผ่านรูจมูกไม่ควรเกิน 4-6 สัปดาห์ หากเกินมากกว่านั้นจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนคือไซนัสอักเสบ หลอดอาหารอักเสบ ผนังกั้นรู้จมูกบัตรเจ็บเป็นเนื้อตาย หรือปลอดอักเสบจากการสำลักได้ หากผู้ป่วยจำเป็นต้องคาสายเข้ากระเพาะอาหารไว้เป็นเวลานานเท่อาจจำเป็นต้องพิจารณาใส่สาย เข้ากระเพาะอาหารผ่านผนังหน้าท้อง ซึ่งขั้นตอนในการใส่สายยางให้อาหารแก่ผู้ป่วยผ่านรูจมูก ผู้ดูแลหรือพยาบาลจะต้องเรียนรู้ขั้นตอนและจำขั้นตอนได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญอยู่บนเทคนิคความสะอาดไม่ปนเปื้อน เนื่องจากว่าเป็นการใส่อุปกรณ์เข้าไปในร่างกายการปนเปื้อนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญควรระวังเพราะอาจจะทำให้ผู้ป่วยเกิดการติดเชื้อภายในช่องท้องลดอาหารหรือโพรงจมูกได้

การใส่สายยางให้อาหารนั้นมีขั้นตอนดังนี้ เริ่มต้นจากการล้างมือให้สะอาด ทำการตรวจสอบดูรูจมูกผนังกั้นผู้ป่วยว่ามีทางสะดวกหรือไม่อะไรอุดกั้นหรือไม่ ทำการตรวจสอบดูรูจมูกผนังกั้นผู้ป่วยว่ามีทางสะดวกหรือไม่อะไรอุดกั้นหรือไม่ ต่อมาจัดถ้าผู้ป่วยให้นั่งหรือนอนศีรษะสูง หากผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวให้นอนหงายหรือท่าศีรษะสูงเล็กน้อย เพื่อให้หลอดอาหารตรงสายสามารถขึ้นลงตามแรงโน้มถ่วงได้ จากนั้นวัดความยาวของสายที่จะใส่เข้าไปในผู้ป่วยโดยวัดจากปลายจมูกถึงติ่งหูและจากติ่งหูถึงปลายกระดูกอก และทำเครื่องหมายมาร์คไว้ เพื่อกำหนดระยะจากรูจมูกเข้าสู่กระเพาะอาหารส่วนต้น ตรวจสอบสายยางให้อาหารไม่มีสิ่งใดอุดตันหรือมีสิ่งแหลมคมจากนั้นตัดพลาสเตอร์ประมาณ 10 เซนติเมตรเพื่อเตรียมแปะที่จมูกผู้ป่วยเข้ากับสายยางไม่ให้เลื่อนหลุด ถัดมาปูผ้ากันเพื่อนบนหน้าอกความสามรูปไปไว้ใต้คาร์ลให้ผู้ป่วยถือกระดาษเช็ดหน้าไว้เผื่อว่ามีอาการอาเจียนขย้อนมีน้ำมูกหรือน้ำลายไหลได้ ใส่ถุงมือ เตรียมสารหล่อลื่นไปสายโดยทำการหล่อลื่นประมาณ 6-10 cm  เพื่อลดแรงเสียดทานระหว่างเยอะบุและสาย จากนั้นให้ผู้ป่วยนอนศีรษะขึ้นเล็กน้อยให้เห็นรูจมูกชัดเจนค่อยค่อยใส่สายยางเข้าทางรูจมูกอย่างนุ่มนวลให้สายผมลงตามแนวธรรมชาติของโพรงจมูกถ้าติดสายสายไม่ลงอย่าดันแรงให้คือค่อยหมุนซ้ายพร้อมเลื่อนสายเข้าไป เมื่อสายถึงคอให้ผู้ป่วยก้มศีรษะเล็กน้อยและให้ช่วยเตือนช้าๆ เพื่อช่วยในการใส่สายให้ไหลลงได้ง่าย


หากผู้ป่วยมีอาการไอสำลักหายใจไม่สะดวกหรือเขียวให้หยุดแล้วดึงสายออกทันทีรอจนกว่าอาการดังกล่าวจะดีขึ้นแล้วค่อยใส่ใหม่ จากนั้นตรวจสอบว่าสายอยู่ในกระเพาะอาหารหรือไม่โดยการใช้กระบอกฉีดดันลมเข้าไปประมาณ 5-10 cc เข้าไปเร็วเร็วพร้อมกับใช้หูฟังเสียงลมผ่านกระเพาะบริเวณหน้าท้องส่วนบนด้านซ้าย หากได้ยินเสียงลมผ่านของเหลวนั้นแปลว่าสายยางให้อาหารนั้นอยู่ในกระเพาะอาหารเรียบร้อย หรือใช้กระบอกฉีดยาดูดของเหลวในกระเพาะอาหารออกมาถ้าพบว่ามีเศษอาหารขึ้นมานั่นแปลว่าอยู่ในกระเพาะอาหารเช่นกัน หรือถ้าหากให้ผู้ป่วยพูดแล้วไม่มีเสียงแสดงว่าสายยางให้อาหารนั้นผ่านเส้นเสียง ใช้พลาสเตอร์ติดสายยางกับจมูกเพื่อยึดให้อยู่กับที่  และสุดท้ายปิดปลายสายด้านนอกด้วยตกรอบถ้าไม่มีจะครอบให้ใช้ผ้าก๊อซหุ้มใช้ตัวหนีบไว้ ดูแลทำความสะอาดเช็ดสายและช่องปากจมูกให้สะอาดพร้อมสังเกตอาการผิดปกติหลังใส่สายอย่างให้อาหาร

ภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆหลังจากการให้สายยางให้อาหารนั้นสามารถเกิดขึ้นได้เสมอโดยสิ่งที่จำเป็นจะต้องระวังมากที่สุดก็คือป้องกันอย่าให้สายอย่างให้อาหารหลุดเลื่อนโดยที่ก่อนให้อาหารผ่านสายยางให้อาหารทุกครั้งจะต้องทำการตรวจสอบว่าสายยางให้อาหารอยู่ในกระเพาะอาหารหรือไม่ตามขั้นตอนดังกล่าวที่กล่าวมาข้างต้น  และขณะให้อาหารควรให้อาหารไหลอย่างช้า ๆเพื่อหลีกเลี่ยงแรงดันควรจะอุ่นอาหารก่อนให้อาหารเพื่อลดอาการ ท้องอืดแน่นท้องหรือท้องเสีย

และหลังให้อาหารทุกครั้งจะต้องให้น้ำเพื่อลดอาการท้องผูกได้ อย่างไรก็ตามภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆนั้นสามารถป้องกันได้จากการสังเกตอาการผู้ป่วย ผู้ดูแลหรือพยาบาลจำเป็นต้องสังเกตผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดขณะให้อาหารโดยเฉพาะหลังให้อาหารเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนเช่นอาการสำลักหรือจะไอจามได้ เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ผู้ป่วยที่ใส่สายยางให้อาหารได้รับอาหารอย่างปลอดภัย ทางเราให้ความสำคัญเรื่องอาหารเหลวแก่ผู้ป่วยที่ใส่ยาให้อาหารเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะรวมถึงการขั้นตอนและอาหารที่ดีมีประโยชน์สะอาดและปลอดภัยแก่ผู้ป่วยนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด




การใส่สายยางให้อาหารสายยางที่ถูกต้อง โดยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://snss.co.th/อาหารทางสายยาง/

118
รู้จัก Doctor At Home
Doctor at Home คือแพลตฟอร์มที่เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจอาการเบื้องต้นก่อนไปพบแพทย์ ข้อมูลโรคที่รอบด้าน ทั้งอาการ สาเหตุ วิธีรักษา การป้องกัน ไปจนถึงการดูแลตนเอง อีกทั้งยังรวมข้อมูลแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา ซึ่งคัดสรรมาเพื่อผู้ใช้งานของเรา

Doctor at Home โปรแกรม “หมอประจำบ้าน” อัจฉริยะ ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตัวเอง
เป็นการตรวจอาการเบื้องต้นแบบ interactive ที่จะทำให้ผู้ใช้งานรู้ข้อมูลเบื้องต้นของโรคที่อาจจะเป็น รวมไปถึงวิธีปฏิบัติตัวเบื้องต้นก่อนไปพบแพทย์ โดยโปรแกรมนี้ได้นำข้อมูลจาก “ตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 1” ของ รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ อดีตอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มาจัดทำให้ใช้งานได้บนเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน LINE

ข้อมูลโรค พร้อมโปรแกรม “หมอประจำบ้าน” อัจฉริยะ ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตัวเอง
ผู้ใช้งานสามารถอ่านข้อมูลโรค อาการ สาเหตุ การป้องกันและการรักษา เพื่อเป็นแนวทางในการดูแลตัวเอง โดยเราได้นำข้อมูลจาก “ตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2” โดย รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ อดีตอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และข้อมูลโรคที่ รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ อดีตอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เขียนเพิ่มเติมมารวบรวมไว้ในเว็บไซต์ของเรา
นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่หลังจากอ่านข้อมูลโรคแล้ว ท่านยังสามารถตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตัวเองได้ ว่าท่านมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนั้น ๆ หรือไม่ ทั้งนี้ เพื่อเตรียมตัวก่อนไปพบแพทย์
มีแล้วอุ่นใจ เจ็บป่วย ช่วยเหลือฉุกเฉิน แค่ Add LINE @DoctorAtHome ให้มาเป็น “หมอประจำบ้าน” คอยดูแลคุณอยู่ใกล้ๆ

ไลน์ ID  :  @DoctorAtHome
เว็บไซด์: https://doctorathome.com/


119
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “ออน” ตราเอ็มเมด แพ็ค 7 ซอง/กล่อง

“ ออน (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร) (ตราเอ็มเมด) เติมพลังให้ชีวิต”
สมองและใจที่ดี มันต้องไปกับร่างกายที่พร้อม
ด้วยภารกิจที่แสนจะหนักหน่วง ใจพร้อมแต่บางทีร่างกายมันไม่พร้อมไปด้วย เหนื่อยล้าเหมือนคนไม่มีเรี่ยวแรง ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต
MMED สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อกระตุ้นความตื่นตัวให้กับร่างกายด้วยการสารสกัด Goji berry ที่มีวิตามิน C สูง และเสริมสร้างพละกำลังให้ร่างกายด้วย Taurine, Q10, L-Gluamine รวมทั้งวิตามิน B1, B3 และ Zinc ให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า แถมท้ายด้วย Blueberry juice ที่ช่วยบำรุงสมองควบคู่ไปด้วย

ข้อมูลผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “ออน”
ชื่อผลิตภัณฑ์
: ออน
เลขที่ใบรับแจ้ง
: 13-1-15859-5-1159
ขนาดบรรจุ
: 1 กล่อง (7 ซอง)
วิธีรับประทาน
: รับประทานวันละ 1 ซอง (3 กรัม) เทผลิตภัณฑ์กรอกใส่ปาก เคี้ยวก่อนกลืนและดื่มน้ำตาม
จุดเด่นผลิตภัณฑ์
: ควบคุมและตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานโดย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ส่วนประกอบสำคัญ
: L-Glutamine (100%) 200 mg.
Coenzyme Q10 (10%) 50 mg.
Goji berry extract 50 mg.
Zinc amino acid chelate (20%) 50 mg.
L-Glutathione (100%) 50 mg.
Blueberry juice powder 50 mg.
Taurine (100%) 20 mg.
Niacinamide (B3) (100%) 20 mg.
Thiamine hydrochloride (B1) 1 mg.

คุณประโยชน์
: กระตุ้นความตื่นตัวให้กับร่างกายด้วยการสารสกัด Goji berry ที่มีวิตามิน C สูง และเสริมสร้างพละกำลังให้ร่างกายด้วย Taurine, Q10, L-Gluamine รวมทั้งวิตามิน B1, B3 และ Zinc ให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า แถมท้ายด้วย Blueberry juice ที่ช่วยบำรุงสมองควบคู่ไปด้วย

ราคาโปรโมชั่นเพียง

1 กล่อง      315    บาท
2 กล่อง      599    บาท
3 กล่อง      859     บาท

สนใจสั่งซื้อ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “ออน” (ตราเอ็มเมด)

โทร: 064-662-4421
ไลน์ OA  : https://page.line.me/565blcje?openQrModal=true
Page FB : https://web.facebook.com/MMEDBrand/?_rdc=1&_rdr
เว็บไซด์: https://mmed.com/products/


120
เชื้อร้าย ฝุ่น มลภาวะเปลี่ยนปอดพัง เป็นปอดปัง ตัวช่วยสำคัญ “กระชายพลัส เอ็มเมด”บรรเทาอาการนอนน้อย อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย เหนื่อยง่าย

คุณรู้หรือไม่!!! สารสกัดกระชายขาว ซึ่งมีสารสำคัญ 2 ชนิด คือ สาร Pandulatin A และสาร Pinostrobin ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการผลิตและการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสได้ 100%

จากงานวิจัยกระชาย มหาวิทยาลัยมหิดล
คุณรู้หรือไม่!!! สารสกัดกระชาย 4 ชนิด คือสาร Pinostrobin, Pinicembrin, Panduratin A และ Alpinetin ที่สามารถนำมาใช้เป็นยารักษาผู้ป่วย ที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียได้

จากงานวิจัยกระชาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
✅ คุณประโยชน์ของสารสกัดกระชายขาว ที่ช่วยลดและยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส แบคทีเรีย ในอากาศได้
✅ เมื่อปอดแข็งแรง การแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนจากลมหายใจเข้าสู่อวัยวะต่างๆของร่างกาย ผลิตเป็นพลังงานให้กับเซลล์
✅ และกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากเซลล์ จึงส่งผลให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานที่ดี เราจึงไม่เหนื่อยหอบง่าย ไม่อ่อนเพลีย
“กระชายพลัส เอ็มเมด” โดยมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อการมีสุขภาพดี ปอดแข็งแรง พร้อมเผชิญกับปัญหาฝุ่นพิษ และโรคติดต่อทางเดินหายใจ ที่แพร่ระบาด
สุขภาพปอดดี จะวิ่ง จะเดิน จะเวท ไม่เหนื่อยง่าย ไม่เพลีย

มหาวิทยาลัยมหิดล เห็นความสำคัญของ สารสกัดกระชายขาว จึงได้วิจัย พัฒนา และ สกัดสารสำคัญของกระชายขาว ที่มีคุณภาพ
จึงเป็นที่มาของ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
“กระชายพลัส เอ็มเมด”
ด้วยมาตรฐาน MST Standard จากมหาวิทยาลัยมหิดล จึงมั่นใจได้ว่า เมื่อคุณทาน กระชายพลัส เอ็มเมดคุณจะได้คุณประโยชน์จากสารสกัดที่มีคุณภาพ ในการช่วยดูแลร่างกายให้แข็งแรง ปอดมีสุขภาพดี

ส่วนประกอบสำคัญ
👉 สารสกัดกระชาย 200 มก.
👉 ยีสต์ เบต้า-กลูแคน 70% 100 มก.
👉 แคลเซียม แอสคอร์เบต ไดไฮเดรต (VitC) 60 มก.
👉 วิตามิน บี1, วิตามิน บี6, วิตามิน บี12
1 ขวด บรรจุ 30 แคปซูล (470 มิลลิกรัม/แคปซูล)
ราคาโปรโมชั่นเพียง
1 กระปุก      199    บาท
2 กระปุก      359    บาท
3 กระปุก     499     บาท


เลข อย. 13-1-02954-5-0548
รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล หลังอาหาร

ปัญหาฝุ่นพิษ และโรคติดต่อทางเดินหายใจ เชื้อโรคในอากาศ อีกหนึ่งตัวช่วยที่สำคัญ
“กระชายพลัส เอ็มเมด”
เพื่อการมี สุขภาพดี ปอดแข็งแรง ภูมิต้านทานที่ดี ของคุณและคนที่คุณรัก

สนใจสั่งซื้อ กระชายพลัส เอ็มเมด (กระชายมหิดล)

โทร: 064-662-4421
ไลน์ OA  : https://page.line.me/565blcje?openQrModal=true
Page FB : https://web.facebook.com/MMEDBrand/?_rdc=1&_rdr
เว็บไซด์: https://mmed.com/products/


หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10 ... 54

















































รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ทำ SEO ติด Google
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี

รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ

smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย

เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า