กลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร (กลุ่มอาการกีแยง-บาร์เร ก็เรียก) เป็นโรคที่มีภาวะผิดปกติของประสาทส่วนปลาย (peripheral nerves) หลายเส้นทั่วร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการแขนขาอ่อนแรง เป็นอัมพาตแบบเฉียบพลัน ซึ่งมักพบหลังเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจหรือทางเดินอาหาร โดยไม่ทราบสาเหตุ
โรคนี้นับว่าเป็นภาวะรุนแรง และอาจมีภาวะแทรกซ้อนเป็นอันตรายได้
พบได้ปีละประมาณ 1.2-3 คน ต่อประชากร 100,000 คน พบได้ในคนทุกวัย แต่จะพบบ่อยในกลุ่มอายุ 15-35 ปี และ 50-75 ปี และพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 1.5 เท่า
สาเหตุ
เกิดจากปฏิกิริยาภูมิต้านตนเอง (autoimmune reaction) ต่อปลอกหุ้มเส้นประสาท (myelin sheath) ส่วนปลายหลายเส้นทั่วร่างกาย ทำให้เกิดอาการชาและกล้ามเนื้ออ่อนแรงที่แขนขาและส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ซึ่งในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด
ประมาณร้อยละ 60-70 ของผู้ป่วยมักเกิดหลังการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสนับเป็นสัปดาห์ ที่พบบ่อยคือหลังเป็นโรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ รองลงมาคือ หลังเป็นโรคติดเชื้อของระบบทางเดินอาหาร
เชื้อต้นเหตุที่พบบ่อย เช่น แคมไพโรแบกเตอร์เจจูนิ (Campylobacter jejuni)*, ไวรัสไซโตเมกาโล (cytomegalovirus), ไวรัสเอปสไตน์บาร์/อีบีวี (Epstein-Barr virus/EBV), ไวรัสไข้หวัดใหญ่, ไวรัสตับอักเสบ, ไวรัสโควิด19, ไวรัสชิคุนกุนยา, ไวรัสซิกา, เอชไอวี, เชื้อไมโคพลาสมานิวโมเนีย (Mycoplasma pneumonia)** เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีรายงานการพบผู้ป่วยโรคนี้หลังได้รับวัคซีนบางชนิด (วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า) หรือหลังได้รับการผ่าตัดบางอย่าง
*เชื้อชนิดนี้เป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการท้องเดินจาก โรคอาหารเป็นพิษจากเชื้อโรค เนื่องจากผู้ป่วยติดเชื้อชนิดนี้จากการกินอาหารที่ไม่ได้ปรุงสุก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื้อสัตว์ เป็ดไก่
**เชื้อชนิดนี้เป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุของ โรคปอดอักเสบ
อาการ
อาการมักเกิดหลังเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ (เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ) หรือทางเดินอาหาร (ท้องเดิน อาหารเป็นพิษ) ประมาณ 2-4 สัปดาห์ โดยมีอาการชาที่ปลายนิ้วมือหรือนิ้วเท้า และกล้ามเนื้ออ่อนแรงของแขนหรือขา
ส่วนใหญ่จะเริ่มมีอาการที่ปลายเท้าและขา ทำให้เดินเซ หรือเดินไม่ได้ ขึ้นบันไดไม่ได้ บางรายอาจเริ่มมีอาการที่ใบหน้าหรือแขนก่อน แล้วต่อมา (นับเป็นชั่วโมง ๆ หรือเป็นวัน ๆ) ก็จะลุกลามไปที่ร่างกาย แขนขา และกล้ามเนื้อแทบทุกส่วน ซึ่งอาจกลายเป็นอัมพาตรุนแรงทั่วร่างกายได้
ผู้ป่วยอาจมีอาการกล้ามเนื้อตาและใบหน้าอ่อนแรง มีอาการกลอกตาไม่ได้ มองเห็นภาพซ้อน พูดอ้อแอ้ เคี้ยวและกลืนลำบากร่วมด้วย
บางรายอาจมีอาการปวดมากตามร่างกาย (เช่น บริเวณไหปลาร้า สะบัก หลัง ก้น ต้นขา) จะปวดมากเวลาเคลื่อนไหวร่างกาย และอาการอาจเป็นมากขึ้นตอนกลางคืน
บางรายอาจมีความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้มีอาการชีพจรเต้นเร็วหรือช้ากว่าปกติ หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตสูง หรือความดันตกในท่ายืน (ลุกขึ้นยืนจะมีอาการหน้ามืด เป็นลม) กลั้นปัสสาวะและอุจจาระไม่ได้ เป็นต้น
หากเป็นรุนแรง อาจทำให้กล้ามเนื้อหายใจเป็นอัมพาต หยุดหายใจ หรือหัวใจวาย เป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้
โรคนี้มักมีอาการเปลี่ยนแปลงเร็ว อาการมักทรุดหนักได้ภายในไม่กี่วันหลังเริ่มมีอาการ และมักเป็นอยู่นานประมาณ 2-4 สัปดาห์
ข้อมูลโรค: กลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร (Guillain-Barre syndrome) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/disease-conditions