รู้หรือไม่ว่าในหนึ่งวันคนเราส่อง
กระจกตั้งโต๊ะเฉลี่ย 16 - 23 ครั้งต่อวัน โดยเฉพาะสาว ๆ ที่มีแนวโน้มส่องกระจกบ่อยกว่าหนุ่ม ๆ เฉลี่ยอยู่ที่ 38 ครั้งต่อวัน เพื่อเช็กความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผมก่อนออกไปทำงานและจัดการธุระสำคัญข้างนอกที่ต้องมีการพบปะผู้คน
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้การเลือกซื้อกระจกสักบานกลายเป็นเรื่องที่มีรายละเอียดให้พิจารณาอยู่หลายจุด วันนี้เราจึงขอนำสาระน่ารู้เกี่ยวกับองค์ประกอบในการเลือกกระจกติดผนังสวย ๆ มาฝากกัน จะมีอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลย
เลือกจากรูปทรงกระจกตั้งโต๊ะที่วางขายทั่วไปตามร้านเฟอร์นิเจอร์นั้นจะมีรูปทรงให้เราเลือกมากมาย โดยเราควรเลือกรูปทรงของกระจกที่เหมาะกับเฟอร์นิเจอร์ที่จะนำไปวาง เช่น หากจะวางบนโต๊ะเครื่องแป้งควรเลือกกระจกทรงกลม หรือแบบวงรีที่มีขนาดความกว้างไม่เกิน 10 - 12 นิ้ว และสูงไม่เกิน 30 เซนติเมตร เพราะจะทำให้มองเห็นได้เต็มใบหน้ามากกว่า
นอกจากนี้ กระจกรูปทรงสี่เหลี่ยม หรือกระจกวินเทจก็ได้รับความนิยมเช่นกัน เพราะเมื่อนำไปวางเข้ากับโต๊ะเครื่องแป้งแล้ว ก็จะทำให้โซนแต่งหน้าของเราดูสวยคลาสสิคไม่น้อยเลยทีเดียว
เลือกจากวัสดุวัสดุที่ใช้ผลิตกระจกส่วนใหญ่ทำมาจากแก้ว ซึ่งควรมีลักษณะเงาใส สะท้อนภาพได้สมจริงไม่หลอกตา และที่สำคัญคือต้องทนความร้อนได้เป็นอย่างดีกับสภาพอากาศของบ้านเราที่ร้อนจัด ในขณะที่ตัวกรอบหรือฐานที่รองรับกระจกจะเป็นวัสดุแบบไหนก็ได้ แต่ต้องมีความแข็งแรง ไม่เกิดสนิมง่าย และต้องใช้งานได้นาน
เลือกจากรูปแบบการวางนอกจากการนำมาวางบนโต๊ะเครื่องแป้งทั่วไปแล้ว ยังมีประเภทของกระจกที่สามารถนำมาจัดวางในรูปแบบต่าง ๆ ได้อีก เช่น กระจกเงาติดผนังที่อาจต้องหาตะขอเกี่ยวช่วยยึดตัวกระจกไม่ให้ตกหล่น หรือกระจกตั้งพื้นที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยยึดเกาะใด ๆ เพียงแค่นำมาวางเอียงเข้ากับผนังก็พร้อมใช้งานทันที
นอกจากนี้ ยังมีกระจกติดผนังบานใหญ่ที่สามารถส่องสะท้อนภาพเราได้แบบเต็มตัว ซึ่งจะต้องหาวัสดุเพิ่มเติมเพื่อทำการยึดติดกับผนังให้ได้ความสูงที่พอดีก่อนใช้งาน หรือกระจกวินเทจติดผนังที่นอกจากประโยชน์การใช้งานแล้ว ยังเป็นเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้านสไตล์คลาสสิคได้อีกด้วย
สรุปการเลือกกระจกตั้งโต๊ะให้เหมาะสมกับการใช้งานนั้น อันดับแรกควรพิจารณาจากรูปทรง ความกว้างและความสูงที่เหมาะสม เพราะจะทำให้มองเห็นใบหน้าได้เต็มมากกว่า ต่อมาเราควรเลือกจากวัสดุที่ใช้ผลิตตัวกระจก ซึ่งจะต้องทนความร้อนได้ดี มีความแข็งแรง และไม่เกิดสนิมได้ง่าย
สุดท้ายคือการพิจารณาจากรูปแบบการวาง ซึ่งหากเป็นกระจกตั้งพื้นแบบมินิมอลก็ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ยึดเกาะเพิ่มเติมแต่อย่างใด เพียงเท่านี้เราก็จะได้กระจกดีไซน์สวยงามมีคุณภาพ และที่สำคัญคือตรงกับลักษณะการใช้งานของเราอย่างแท้จริง