โปรโมทธุรกิจฟรี > ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด

ปลูกกล้วยในพื้นที่ว่างเปล่าสร้างผลผลิตและรายได้

<< < (9/16) > >>

ruataewada:
**เลี้ยงปลากัด ปลาสวยงามที่เลี้ยงง่าย เลี้ยงสนุก**

ปลากัดเป็นปลาสวยงามที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ด้วยความที่เป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ทนทานต่อสภาพอากาศ และมีความดุดัน ทำให้ปลากัดเป็นที่นิยมทั้งในกลุ่มผู้เลี้ยงปลาสวยงามและกลุ่มผู้เลี้ยงปลากัดเพื่อแข่งขัน

**วิธีการเลี้ยงปลากัด**

การเลี้ยงปลากัดสามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้

* **การเตรียมอุปกรณ์**

อุปกรณ์ที่จำเป็นในการเลี้ยงปลากัด ได้แก่

    * โหลแก้วหรือตู้ปลา
    * หินกรวดหรือวัสดุรองพื้น
    * ปั๊มน้ำ
    * เครื่องกรองน้ำ
    * เครื่องปรับอุณหภูมิ (หากต้องการ)

* **การเตรียมน้ำ**

น้ำที่ใช้เลี้ยงปลากัดควรสะอาด มีอุณหภูมิประมาณ 25-28 องศาเซลเซียส ควรเปลี่ยนน้ำทุกสัปดาห์ หรือเมื่อน้ำเริ่มมีตะกอน

* **การให้อาหาร**

ปลากัดเป็นปลากินเนื้อ ควรให้อาหารปลากัดเป็นอาหารสด เช่น ลูกน้ำ ไรแดง หรืออาหารเม็ดสำเร็จรูปสำหรับปลากัด

* **การดูแลรักษา**

ควรหมั่นตรวจดูปลากัดเป็นประจำ หากพบอาการผิดปกติควรรีบรักษาทันที

**ปัจจัยสำคัญในการเลี้ยงปลากัด**

ปัจจัยสำคัญในการเลี้ยงปลากัด ได้แก่

* **น้ำ** น้ำที่ใช้เลี้ยงปลากัดควรสะอาด มีอุณหภูมิที่เหมาะสม
* **อาหาร** ควรให้อาหารปลากัดอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอ
* **สภาพแวดล้อม** ควรวางโหลแก้วหรือตู้ปลาไว้ในที่ที่มีแสงแดดส่องถึง
* **โรคและศัตรูพืช** ควรหมั่นตรวจดูปลากัดเป็นประจำ เพื่อป้องกันการระบาดของโรคและศัตรูพืช

**ข้อดีของการเลี้ยงปลากัด**

การเลี้ยงปลากัดมีข้อดีหลายประการ ดังนี้

* **เป็นกิจกรรมที่ผ่อนคลาย**
* **เป็นกิจกรรมที่เสริมสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสัตว์**
* **เป็นกิจกรรมที่สามารถสร้างรายได้เสริม**

**สรุป**

การเลี้ยงปลากัดเป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้ง่าย ๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงปลากัดเพิ่มเติม เพื่อนำไปเลี้ยงปลากัดให้สวยงามและแข็งแรง
โปรโมชั่นสำหรับคุณ รั้วตาข่าย รั้วแรงดึง

ruataewada:
**เลี้ยงไก่ แบบง่าย**

การเลี้ยงไก่เป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากไก่เป็นสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงง่าย โตไว และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น ไข่ไก่ เนื้อไก่ เป็นต้น

การเลี้ยงไก่แบบง่าย สามารถทำได้ดังนี้

1. **เลือกสายพันธุ์ไก่** ควรเลือกสายพันธุ์ไก่ที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ในการเลี้ยง เช่น หากต้องการเลี้ยงเพื่อเก็บไข่ ควรเลือกสายพันธุ์ไก่ที่วางไข่ดก เช่น โรดไอแลนด์เรด เลห์กอร์ เป็นต้น หากต้องการเลี้ยงเพื่อเก็บเนื้อ ควรเลือกสายพันธุ์ไก่ที่โตเร็วและให้เนื้อเยอะ เช่น ไก่เบตเตอร์คอก เป็นต้น

2. **เตรียมสถานที่เลี้ยง** สถานที่เลี้ยงไก่ควรเป็นสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก อยู่ห่างจากแหล่งมลพิษ และมีพื้นที่เพียงพอสำหรับเลี้ยงไก่

3. **เตรียมอุปกรณ์เลี้ยง** อุปกรณ์เลี้ยงไก่ที่จำเป็น ได้แก่ กรงเลี้ยง อาหารไก่ น้ำดื่มไก่

4. **เลี้ยงไก่** การดูแลไก่เลี้ยงง่าย ๆ สามารถทำได้ดังนี้

* รดน้ำให้ไก่วันละ 1-2 ครั้ง
* ให้อาหารไก่วันละ 2-3 ครั้ง
* เก็บไข่ไก่ทุกวัน
* ทำความสะอาดกรงเลี้ยงไก่สัปดาห์ละ 1 ครั้ง

5. **ป้องกันโรค** ควรหมั่นสังเกตอาการของไก่ หากพบอาการผิดปกติควรรีบนำไก่ไปพบสัตวแพทย์

ตัวอย่างสายพันธุ์ไก่ที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทย ได้แก่

* **ไก่ไข่** เช่น โรดไอแลนด์เรด เลห์กอร์ ฮินดูบราห์มัน
* **ไก่เนื้อ** เช่น ไก่เบตเตอร์คอก ไก่โรดไอแลนด์แดง ไก่ฮาน
* **ไก่พื้นเมือง** เช่น ไก่ชน ไก่แจ้ ไก่บ้าน

การเลี้ยงไก่แบบง่าย สามารถทำได้ตามขั้นตอนข้างต้น เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ไก่เลี้ยงไว้รับประทานหรือจำหน่ายสร้างรายได้

โปรโมชั่นสำหรับคุณ รั้วตาข่าย รั้วแรงดึง

ruataewada:
**เลี้ยงแมว สัตว์เลี้ยงแสนรัก เป็นเพื่อนคู่ใจ**

แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นสัตว์ที่น่ารัก ขี้อ้อน และสามารถเข้ากับคนได้ดี การเลี้ยงแมวเป็นกิจกรรมที่สร้างความเพลิดเพลินและความสุขให้กับเจ้าของเป็นอย่างมาก

**การเตรียมการเลี้ยงแมว**

ก่อนเลี้ยงแมวควรเตรียมการดังนี้

* **ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแมว** ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสายพันธุ์แมว นิสัยและความต้องการพื้นฐานของแมว เพื่อให้สามารถเลี้ยงแมวได้อย่างเหมาะสม
* **เตรียมความพร้อมด้านสถานที่** ควรเตรียมพื้นที่สำหรับเลี้ยงแมวให้เพียงพอกับขนาดของแมว
* **เตรียมอุปกรณ์สำหรับเลี้ยงแมว** ควรเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับเลี้ยงแมว เช่น อาหาร น้ำดื่ม กระบะทราย เปลนอน ของเล่น เป็นต้น

**การดูแลรักษาแมว**

การดูแลรักษาแมวสามารถทำได้ดังนี้

* **ให้อาหารแมว** ควรให้อาหารแมวอย่างสม่ำเสมอ อาหารแมวควรมีครบถ้วนทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน และเกลือแร่
* **ให้น้ำดื่มแมว** ควรให้น้ำดื่มแมวอย่างสะอาดและเพียงพอ
* **ทำความสะอาดกระบะทรายแมว** ควรทำความสะอาดกระบะทรายแมวทุกวัน
* **พาแมวไปตรวจสุขภาพ** ควรพาแมวไปตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย

**ข้อดีของการเลี้ยงแมว**

* เป็นสัตว์ที่น่ารัก ขี้อ้อน และสามารถเข้ากับคนได้ดี
* สามารถช่วยบำบัดความเครียดและโรคซึมเศร้าได้
* สามารถช่วยกำจัดหนูและแมลงในบ้านได้

**ข้อเสียของการเลี้ยงแมว**

* อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านมลภาวะได้ เช่น กลิ่นมูลแมว เป็นต้น
* อาจก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาได้ เช่น ค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่ายา เป็นต้น

**ช่องทางการหาแมวมาเลี้ยง**

สามารถหาแมวมาเลี้ยงได้จากแหล่งต่างๆ ดังนี้

* ซื้อจากฟาร์มแมว
* รับเลี้ยงจากสถานสงเคราะห์สัตว์
* หามาเลี้ยงจากเพื่อนหรือญาติ

การเลี้ยงแมวเป็นกิจกรรมที่สร้างความเพลิดเพลินและความสุขให้กับเจ้าของเป็นอย่างมาก เพียงศึกษาข้อมูลและเตรียมการอย่างรอบคอบก็สามารถเลี้ยงแมวให้มีความสุขได้

**เคล็ดลับการเลี้ยงแมว**

* ควรให้ความรักและความเอาใจใส่แก่แมวอย่างสม่ำเสมอ
* ควรฝึกสอนแมวให้เชื่อฟังคำสั่ง เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข
* ควรพาแมวไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคเป็นประจำ
* ควรหมั่นทำความสะอาดบ้านอยู่เสมอ เพื่อกำจัดกลิ่นมูลแมวและป้องกันโรคติดต่อ

การเลี้ยงแมวเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้ความอดทนและความเข้าใจ หากสามารถเลี้ยงแมวได้อย่างเหมาะสมแล้ว แมวจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่แสนรักและเป็นเพื่อนคู่ใจที่ดีให้กับเจ้าของ

โปรโมชั่นสำหรับคุณ รั้วตาข่าย รั้วแรงดึง

ruataewada:

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คืออะไร

คือ ภาษีรายปีที่เก็บและคิดจากมูลค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้างที่เราครอบครอง โดยมีองค์กรท้องถิ่น เช่น เทศบาล อบต. เป็นผู้จัดเก็บ

โดยผู้ที่ต้องเสียภาษีที่ดินต้องมีเงื่อนไขดังนี้

1. เจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ (ดูตามโฉนด ไม่ใช่ทะเบียนบ้าน)

2. ผู้ครอบครอง/ทำประโยชน์ในที่ดินนั้น จะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้

ซึ่งกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2562 เป็นกฎหมายที่มาแทนที่ ภาษีโรงเรือนและที่ดิน กับ ภาษีบำรุงท้องที่ ซึ่งซ้ำซ้อนกัน

ประเภทของภาษีที่ดิน 2566 แบ่งประเภทที่ดินที่ต้องเสียภาษีไว้ 4 รายการ

1. ที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม

2. ที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย

3. ที่ดินเพื่อพาณิชยกรรม

4. ที่ดินรกร้างว่างเปล่า

โปรโมชั่นสำหรับคุณ รั้วตาข่าย รั้วแรงดึง

ที่มา www.kwilife.com

ruataewada:
ห่มดิน เลี้ยงดินให้ดินเลี้ยงเรา

การทำห่มดิน เลี้ยงดิน ดูแลดินแล้วให้ดินเลี้ยงพืช
การห่มดิน คือ เป็นการป้องกันการระเหยของความชื้นที่อยู่ในดิน ซึ่งความชื้นในดินมีความสำคัญมากต่อการเจริญเติบโตของพืช ซึ่งการควบคุมความชื้นของดินให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืชในแต่ละชนิด สามารถทำได้ด้วยการใช้เซ็นเซอร์เข้ามาช่วยตรวจวัด

ระดับความชื้นที่พืชสามารถรับได้จะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ดังนี้

ความชื้น 80% – 100% : สภาวะอันตรายต่อพืช ถ้ามีความชื้นสูงในระดับนี้เป็นเวลานาน มีโอกาสสูงมากที่จะทำให้รากเน่า หรือเกิดเชื้อราขึ้นได้
ความชื้น 70% – 79% : สภาวะดินแฉะ หากไม่ควบคุมให้ดี หรือปล่อยเป็นเวลานานก็อาจเข้าสู่สภาวะอันตรายได้
ความชื้น 50% -69% : สภาวะที่พืชชอบ เนื่องจากพืชจะมีการเจริญเติบโตได้ดีที่สุดในสภาวะนี้
ความชื้น 40% – 49% : สภาวะแห้ง ควรเพิ่มความชื้นให้แก่ดิน เพื่อให้พืชเจริญเติบโตได้
ความชื้น 0% – 39% : สภาวะวิกฤติ สามารถทำให้พืชแห้งและเหี่ยวเฉาตายได้
หากความชื้นในดินต่ำ สามารถเพิ่มการให้น้ำ เพื่อเพิ่มความชื้นให้กับดิน แต่ถ้าหากเป็นพื้นที่แห้งแล้งมาก มีการระเหยของน้ำสูง อาจต้องใช้วิทีห่มดินเข้ามาช่วย โดยหลักการคือ นำวัสดุต่างๆ มาปกคลุมไว้ที่หน้าดินเพื่อกักเก็บความชื้นไว้ในดิน

สินค้าเหมาะสมกับการดูแลสวนและที่ดิน รั้วตาข่าย รั้วแรงดึง

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version