โปรโมทธุรกิจฟรี > ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
ปลูกกล้วยในพื้นที่ว่างเปล่าสร้างผลผลิตและรายได้
ruataewada:
ห่มดิน เลี้ยงดินให้ดินเลี้ยงเรา
การทำห่มดิน เลี้ยงดิน ดูแลดินแล้วให้ดินเลี้ยงพืช
การห่มดิน คือ เป็นการป้องกันการระเหยของความชื้นที่อยู่ในดิน ซึ่งความชื้นในดินมีความสำคัญมากต่อการเจริญเติบโตของพืช ซึ่งการควบคุมความชื้นของดินให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืชในแต่ละชนิด สามารถทำได้ด้วยการใช้เซ็นเซอร์เข้ามาช่วยตรวจวัด
ระดับความชื้นที่พืชสามารถรับได้จะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ดังนี้
ความชื้น 80% – 100% : สภาวะอันตรายต่อพืช ถ้ามีความชื้นสูงในระดับนี้เป็นเวลานาน มีโอกาสสูงมากที่จะทำให้รากเน่า หรือเกิดเชื้อราขึ้นได้
ความชื้น 70% – 79% : สภาวะดินแฉะ หากไม่ควบคุมให้ดี หรือปล่อยเป็นเวลานานก็อาจเข้าสู่สภาวะอันตรายได้
ความชื้น 50% -69% : สภาวะที่พืชชอบ เนื่องจากพืชจะมีการเจริญเติบโตได้ดีที่สุดในสภาวะนี้
ความชื้น 40% – 49% : สภาวะแห้ง ควรเพิ่มความชื้นให้แก่ดิน เพื่อให้พืชเจริญเติบโตได้
ความชื้น 0% – 39% : สภาวะวิกฤติ สามารถทำให้พืชแห้งและเหี่ยวเฉาตายได้
หากความชื้นในดินต่ำ สามารถเพิ่มการให้น้ำ เพื่อเพิ่มความชื้นให้กับดิน แต่ถ้าหากเป็นพื้นที่แห้งแล้งมาก มีการระเหยของน้ำสูง อาจต้องใช้วิทีห่มดินเข้ามาช่วย โดยหลักการคือ นำวัสดุต่างๆ มาปกคลุมไว้ที่หน้าดินเพื่อกักเก็บความชื้นไว้ในดิน
สินค้าเหมาะสมกับการดูแลสวนและที่ดิน รั้วตาข่าย รั้วแรงดึง
ruataewada:
ความหมายของรั้วตาข่าย
รั้วตาข่าย คือ รั้วที่ผลิตจากลวดเหล็ก ที่มีคุณภาพ มีความแข็งแรง การทนสนิมและอายุการใช้งาน ขึ้นอยู่กับประเภทลวดที่นำมาผลิตเป็นรั้วตาข่าย มักนิยมใช้ ลวดเหล็กทั่วไป ลวดแรงดึง หรือ ลวดแรงดึงสูง มาใช้ในการผลิต
เพื่อที่จะช่วยเรื่องทนสนิมได้นานกว่ารั้วลวดหนามทั่วไป และ ถูกออกแบบให้เป็นตารางหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านล่างถี่ด้านบนห่าง นิยมนำมาใช้ล้อมบ้าน ล้อมสวน ล้อมที่ดิน ล้อมสัตว์ ฯลฯ เนื่องจากถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย
ใช้ได้กับพื้นที่หลากหลายรูปแบบ โดยที่สามารถนำไปใช้ติดตั้งกับเสาปูน เสาไม้ เสาเหล็กเดิมที่มีอยู่แล้ว โดยไม่ต้องรื้อถอน นิยมนำมาใช้ล้อมบ้าน ล้อมสวน ล้อมที่ ล้อมสัตว์ รั้วบริเวณโรงงาน โรงเรียน สนามกีฬา หรือบริเวณที่ต้องการความปลอดภัยแต่ยังต้องการให้มองเห็นโดยรอบได้เป็นอย่างดี
สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ รั้วตาข่าย รั้วแรงดึง
ruataewada:
ห่มดิน เลี้ยงดินให้ดินเลี้ยงเรา
การทำห่มดิน เลี้ยงดิน ดูแลดินแล้วให้ดินเลี้ยงพืช
การห่มดิน คือ เป็นการป้องกันการระเหยของความชื้นที่อยู่ในดิน ซึ่งความชื้นในดินมีความสำคัญมากต่อการเจริญเติบโตของพืช ซึ่งการควบคุมความชื้นของดินให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืชในแต่ละชนิด สามารถทำได้ด้วยการใช้เซ็นเซอร์เข้ามาช่วยตรวจวัด
ระดับความชื้นที่พืชสามารถรับได้จะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ดังนี้
ความชื้น 80% – 100% : สภาวะอันตรายต่อพืช ถ้ามีความชื้นสูงในระดับนี้เป็นเวลานาน มีโอกาสสูงมากที่จะทำให้รากเน่า หรือเกิดเชื้อราขึ้นได้
ความชื้น 70% – 79% : สภาวะดินแฉะ หากไม่ควบคุมให้ดี หรือปล่อยเป็นเวลานานก็อาจเข้าสู่สภาวะอันตรายได้
ความชื้น 50% -69% : สภาวะที่พืชชอบ เนื่องจากพืชจะมีการเจริญเติบโตได้ดีที่สุดในสภาวะนี้
ความชื้น 40% – 49% : สภาวะแห้ง ควรเพิ่มความชื้นให้แก่ดิน เพื่อให้พืชเจริญเติบโตได้
ความชื้น 0% – 39% : สภาวะวิกฤติ สามารถทำให้พืชแห้งและเหี่ยวเฉาตายได้
หากความชื้นในดินต่ำ สามารถเพิ่มการให้น้ำ เพื่อเพิ่มความชื้นให้กับดิน แต่ถ้าหากเป็นพื้นที่แห้งแล้งมาก มีการระเหยของน้ำสูง อาจต้องใช้วิทีห่มดินเข้ามาช่วย โดยหลักการคือ นำวัสดุต่างๆ มาปกคลุมไว้ที่หน้าดินเพื่อกักเก็บความชื้นไว้ในดิน
สินค้าเหมาะสมกับการดูแลสวนและที่ดิน รั้วตาข่าย รั้วแรงดึง
ruataewada:
เกษตรภัณฑ์
ศูนย์รวมรั้วเกษตร รั้วตาข่าย รั้วล้อมที่ดิน รั้วล้อมสัตว์และสินค้าเกษตรเพื่อเกษตรกรไทยในราคาย่อมเยา คัดสรรแต่สินค้าดี มีคุณภาพจากแบรนด์ชั้นนำ สั่งซื้อได้ง่ายผ่านเว็บไซต์ ไลน์ หรือโทร จัดส่งไวทั่วประเทศ รับชำระเงินหลากหลายช่องทาง มีบริการเก็บเงินปลายทางโดยไม่มีค่าบริการเพิ่มเติม ยินดีให้คำปรึกษาในการเลือกซื้อรั้วตาข่าย ลวดหนาม และอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ
ข้อมูลการติดต่อ
โทร: 062-349-2245
อีเมล: sales.kasetphan@gmail.com
เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ / 8.30-17.30 น.
โปรโมชั่นสินค้าสำหรับคุณ รั้วตาข่าย รั้วแรงดึง
ruataewada:
เลี้ยงไส้เดือนดิน งานวัยเกษียณทำอยู่บ้าน สร้างเงินได้
หลายท่านจะคุ้นเคยกับข้อดีของไส้เดือนในเรื่องการพรวนดินเพียงอย่างเดียว แต่ข้อดีของไส้เดือนดินยังไม่หมดแค่นี้
ยังมีมูลที่ใช้แทนปุ๋ยคอกได้เป็นอย่างดี
มูลไส้เดือนเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มีประโยชน์จำนวนมหาศาล ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้นพืชต้องการ เมื่อผสมมูลไส้เดือนในปริมาณเล็กน้อยกับวัสดุที่จะใช้ปลูก ได้แก่ ดินผสมหรือดินในอัตราส่วน 1:4 (มูลไส้เดือน:วัสดุที่จะใช้ปลูก) ก็จะได้มูลไส้เดือนที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งใช้ได้ทันทีและเก็บไว้ได้นาน ซึ่งเมื่อใช้จะสร้างโอเอซิสหรือรักษาความชื้นที่เหมาะสำหรับการทำงานของแบคทีเรีย งานนี้รับผิดชอบสำหรับการย่อยสลายสารชีวภาพ แปรรูปเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับพืช
ประโยชน์ของมูลไส้เดือน
มูลไส้เดือนเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มีประโยชน์จำนวนมหาศาล ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้นพืชต้องการ เมื่อผสมมูลไส้เดือนในปริมาณเล็กน้อยกับวัสดุที่จะใช้ปลูก ได้แก่ ดินผสมหรือดินในอัตราส่วน 1:4 (มูลไส้เดือน:วัสดุที่จะใช้ปลูก) ก็จะได้มูลไส้เดือนที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งใช้ได้ทันทีและเก็บไว้ได้นาน ซึ่งเมื่อใช้จะสร้างโอเอซิสหรือรักษาความชื้นที่เหมาะสำหรับการทำงานของแบคทีเรีย งานนี้รับผิดชอบสำหรับการย่อยสลายสารชีวภาพ แปรรูปเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับพืช
แบคทีเรียในระบบย่อยอาหารของไส้เดือนจะผลิตตัวควบคุมการเติบโตของพืชและฮอร์โมนเพิ่มเติมที่รับผิดชอบสำหรับการเร่งเซลล์พืชให้ขยายและแบ่งตัว ซึ่งมีถึง 10,000 เท่าในมูลไส้เดือนมากกว่าในดินผสมทั่วไป
มูลไส้เดือนจะมีความสมบูรณ์ที่ลงตัวระหว่างสารชีวภาพและช่องว่างอากาศ ซึ่งเป็นความสมดุลที่เหมาะที่จะให้รากพืชเปราะบางชอนไชลงไปได้อย่างง่ายดายเพื่อหาสารอาหารและน้ำ ยิ่งรากมีมากเท่าไหร่ พืชก็จะสามารถรวบรวมอาหารและน้ำได้มากขึ้นเท่านั้นและทำให้พืชมีสุขภาพดีขึ้น
พืชที่ปลูกในกระถางนานๆ ปุ๋ยมูลไส้เดือนจะไม่ทำให้ดินแข็ง จึงสามารถยืดระยะเวลาการปลูกออกไปได้โดย ไม่ต้องเปลี่ยนกระถาง
ปลอดสารเคมี 100% ไม่เป็นพิษต่อคนสัตว์เลี้ยงและสภาพแวดล้อม
กรณีใช้ผสมดิน ที่เป็นดินเหนียว จะช่วยเพิ่มอากาศในดิน ทำให้ดินร่วนซุย และช่วยในการถ่ายเทน้ำและอากาศได้สะดวก
กรณีผสมดินที่เป็นดินทรายจะช่วยเพิ่มเนื้อดิน ช่วยให้ดินเก็บรักษาความชื้น และธาตุอาหารในดิน ลดการชะล้างธาตุอาหารของน้ำ
มูลไส้เดือนดินสามารถช่วยเก็บความชื้นและปลดปล่อยออกมาให้พืชอย่าง ช้าๆ เมื่อพืชต้องการยืดระยะเวลาการให้น้ำแก่พืชได้นานขึ้น
ช่วยลดปัญหาการสลายตัวของธาตุอาหารเป็นตัวปลดปล่อยธาตุอาหารอย่างช้าๆ ทำให้ประหยัดปุ๋ย ปกป้องดินไม่ให้มีสภาพโครงร้างแน่นเข็งและช่วยเติมอินทรียวัตถุในเนื้อดิน ช่วยให้ดินร่วนซุย รากพืชสามารถแพร่ขยายได้กว้าง
มูลไส้เดือนดินจะมีสารประกอบของกรดฮิวมิคซึ่งเป็นตัวกักเก็บธาตุ อาหารที่จำเป็นต่อพืชหลายชนิด เช่น ฟอสฟอรัส (P) โพแทสเซียม (K) แคลเซียม (Ca) เหล็ก (Fe) และทองแดง (Cu) ซึ่งธาตุอาหารเหล่านี้จะถูกเก็บอยู่ในโมเลกุลของกรดฮิวมิค อยู่ในรูปพร้อมใช้ และจะถูกปลดปล่อยออกมาเมื่อพืชต้องการ
มูลไส้เดือนไม่มีของแถม ที่ไม่พึงประสงค์ เช่นด้วง เชื้อราร้ายที่เขาไปทำลายพืช ไม่มีผลิตหญ้า ที่จะกลายมาเป็นมาเป็นวัชพืชในภายหลัง
มูลไส้เดือนมีโมเลกุลที่เล็กกว่า ปุ๋ยคอกทั่วไป ต้นไม้จึงดูดซับได้ง่ายและเร็วกว่า
มูลไส้เดือนเป็นปุ๋ยเย็นกว่าใช้กับต้นไม้ได้เลย ไม่ทำอันตรายกับต้นไม้ ต่างกับปุ๋ยคอกอื่น ที่ต้องผ่านการหมักก่อนถึงจะนำมาใช้ได้
สินค้าเหมาะสมกับการดูแลสวนและที่ดิน รั้วตาข่าย รั้วแรงดึง
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version